“เสมือนชุบชีวิตใหม่อีกครั้ง สานต่อ ‘ความรัก’ ใน ‘สิ่งที่ทำ’ ให้ถึงจุดหมายปลายทางไปด้วยกัน”
หากเลือกระหว่างรักในสิ่งที่ทำกับทำในสิ่งที่รัก เป็นคุณจะเลือกอะไร? สำหรับ คุณชุบ นกแก้ว แห่ง Chubcheevit Studio ช่างภาพ และมือรีทัชเจ้าของ รางวัล Canneslion 2 ปีซ้อนจากเมืองคานส์ เลือกที่จะทำในสิ่งที่รัก นั่นคือการถ่ายภาพ พร้อมต่อยอดความรักในภาพถ่าย สู่การรีโนเวตทาวน์โฮมอายุกว่า 20 ปี ให้กลายเป็น Home Studio 4 ชั้น ลุคดิบด้าน และเรียบเท่ หลากสไตล์หลายอารมณ์ โดยนำสุนทรียศาสตร์แห่งศิลปะ ความงดงามของธรรมชาติแสง สี และสัมผัสทั้ง 5 มาสร้างตัวตนผ่านพื้นที่ส่วนตัวในแบบที่ต้องการ
“จุดเริ่มต้นของการรีโนเวทบ้าน มาจากที่ผมต้องการปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่ เพื่อใช้เป็นทั้งบ้าน และสตูดิโอทำงาน ซึ่งลักษณะของบ้านเป็นทาวน์โฮมขนาด 4 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 465 ตารางเมตร ซึ่งผมอยากให้บ้านหลังนี้สามารถเป็นทั้งพื้นที่พักผ่อนและทำงานได้ โดยไม่รบกวนกัน ผมจึงเน้นการแบ่งแยกพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน อีกจุดประสงค์หนึ่ง คือตอบสนองความต้องการของผมที่อยากแต่งบ้านในแบบที่ชอบมีกลิ่นอายของสไตล์ลอฟท์นิดๆ มีความดาร์ก และดิบๆ ผสมอยู่ นอกจากนี้ก็ต้องการสร้างให้พื้นที่แต่ละชั้นมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกัน”
“นอกจากการถ่ายภาพแล้ว ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแต่งบ้าน รวมไปถึงผมเคยเปิดร้านกาแฟ และทำสตูดิโอมาก่อนหน้านี้ ซึ่งในช่วงสร้างร้านใหม่ๆ หรือทำสตูฯ ผมได้ไปร้านกาแฟ และศึกษาหาข้อมูลในการตกแต่งอยู่ตลอด จึงได้เห็นงานดีไซน์ที่น่าสนใจ บวกกับช่วงเวลาว่างผมชอบท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เห็นสถาปัตยกรรม และงานดีไซน์ที่แปลกตา จึงเหมือนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆเมื่อมีโอกาสแต่งบ้านหลังนี้ ผมเลยนำสิ่งที่ชอบมาเป็นส่วนหนึ่งในการแต่งบ้าน โดยเฉพาะบริเวณส่วนทำงานจะสร้างคาแรคเตอร์เหมือนอยู่คาเฟ่ เพื่อผู้มาเยือนรู้สึกสบายๆ ส่วนพื้นที่ส่วนของผมจะนำสิ่งที่พบเจอระหว่างการท่องเที่ยวมาสอดแทรกกับการแต่งบ้าน
ในระยะเวลากว่า 8 เดือน ทาวน์โฮมเก่าอายุกว่า 20 ปี ถูกชุบชีวิตให้กลายเป็นบ้าน ที่ตอบโจทย์ Lifestyle ของเจ้าของบ้าน จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ คือการทุบระเบียง เปิดฝาเพดาน และรื้อหลังคาเพื่อสร้างใหม่ แต่ด้วยข้อจำกัดของทาวน์โฮมที่มีพื้นที่จำกัด คุณชุบจึงไม่ลืมที่จะเปิดพื้นที่ให้ดูโปร่ง และดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการแต่งบ้าน นอกจากทำให้บ้านพื้นที่แคบดูกว้างขึ้นแล้ว ยังปรับโฉมของทาวน์โฮมไปได้อย่างสิ้นเชิง ภายใต้ตึกฉาบสีดำสนิทของ Chubcheevit Studio ได้ซ่อนความงดงามไว้ด้านในอย่างน่าสนใจ
บ้านหลังนี้ถูกสร้างเป็นสตูดิโอ และที่พักผ่อนอยู่ด้วยกัน การจัดวางฟังก์ชั่น จึงต้องทุบ รื้อ และวางเสาเข็มใหม่ โดยให้พื้นที่ชั้น 1 เป็นโซนรับแขกที่เข้ามาคุยงาน และเปลี่ยนพื้นที่หลังบ้านจากเดิมที่เป็นลานจอดรถสร้างเป็นห้องสตูดิโอ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องแคสงาน Modeling ซึ่งเป็นอีกธุรกิจหนึ่งของคุณชุบ โดยออกแบบเป็นห้องถ่ายงาน ที่เน้นการตกแต่งในสไตล์ผสมผสาน อย่าง สไตล์ลอฟท์ และสไตล์อินดัสเทรียล อาศัยการเลือกใช้สัจจะวัสดุ จาก เหล็ก ปูน และอิฐ มาสร้างสรรค์ให้เกิดความสวยงาม ทำให้บรรยากาศโดยรวมของชั้นนี้เสมือนหลุดเข้ามาในโรงงานเก่าอยู่กลายๆ
คุณชุบ เล่าเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของชั้น 3 ผมสร้างเป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำส่วนตัว โดยเน้นการตกแต่งในแบบเรียบๆ ใช้โทนสีขาว ฟ้า และน้ำเงิน มาตกแต่ง สร้างซุ้มโค้งก่อขึ้นจากอิฐทำเป็นอุโมงค์ สอดแทรกลูกเล่นจากกรุกระเบื้องโมเสคโทนสีน้ำเงินแวววาวบนเพดานโค้งบริเวณเตียงนอน ให้เหมือนอยู่ใต้ท้องทะเล ในขณะเดียวกันยังช่วยแบ่งการใช้งานของมุมนั่งเล่นโทนสีขาวให้แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยเริ่มบิลท์อารมณ์มาตั้งแต่การดีไซน์ราวบันไดชั้น 3 ที่เปลี่ยนจากราวเหล็ก เป็นราวบันไดไม้ทาสีขาว เพื่อสร้างความรู้สึกให้เหมือนบ้านให้ได้มากที่สุดส่วนชั้น 4 เป็นที่เก็บพร็อพที่ใช้ในการทำงานต่างๆ หรืออาจปรับเปลี่ยนต่อไปในอนาคตครับ ”
มุมนั่งเล่นโทนสีขาวสะอาดตา เปิดรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างภายในห้องหลายเหลี่ยมสุดเท่ เน้นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาตกแต่งเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยน และทำงานได้ไปพร้อมๆกัน
“ทุกมุมของที่นี่ต้องสวย ใช้งานได้จริง และสามารถเป็นแบ็กกราวด์ถ่ายรูปได้” คุณชุบกล่าวถึงจุดประสงค์หลักของการรีโนเวท Home Studio ให้แบ่งแยกแต่ชั้นละชั้น และมีคาแรคเตอร์ที่หลากหลาย โดยให้ธรรมชาติ และสัจจะวัสดุทำหน้าที่เชื่อม Mood and Tone ให้กลมกลืน
เสริมกิมมิคเล็กๆให้กับห้องนอนของคุณชุบที่สามารถใช้เป็นมุมถ่ายรูปได้ด้วยการด้วยการก่ออิฐมอญ คล้ายซุ้มโค้งแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกเรียงสลับสีฌทนขาว เทา และดำ ทำให้บริเวณห้องนอนส่วนตัวให้ความรู้เสมือนอยู่ในอุโมงค์ที่น่าค้นหา พร้อมปูแผ่นไม้ยกระดับบริเวณนี้ให้ได้สัดส่วนเป็นการแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัวโดยไม่ต้องกั้นพาร์ทิชั่นเลยทีเดียว
สามารถสะท้อนอีกมุมมองหนึ่งของช่างภาพมืออาชีพที่ใช้แรงกายแรงกายใจ และความทุ่มเทในการออกแบบบ้านโครงสร้างคอนกรีต ด้วยตัวเอง เฉกเช่นการชุบชีวิตบ้านหลังนี้ให้คืนชีพขึ้นอีกครั้ง ไม่ต่างกับการเสพย์ภาพถ่ายในอาร์ตแกลเลอรี่ ที่สื่ออารมณ์ และความรู้สึกของช่างภาพผ่านเลนส์อย่างไม่มีขัดเขิน