Back to home
GARDEN

ยกป่ามาไว้ในออฟฟิศ เพื่อสร้างชีวิตการทำงานที่เป็นมิตรต่อใจพนักงานทุกคน

ภายใต้การทำงานที่จริงจังได้ซ่อนบรรยากาศแห่งความผ่อนคลายจากธรรมชาติช่วยปลดปล่อย และบรรเทาความตึงเครียดจากการทำงานได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง

ชีวิตในวัยเด็กของคุณวิทอง ตัณฑกุลนินาท Chief Executive Officer ของ Gold Star Group บริษัทออกแบบสิ่งพิมพ์ สติกเกอร์โฆษณาผู้ฝากผลงานไว้บนขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ผู้ที่เติบโตในบ้านสวนที่ต่างจังหวัดท่ามกลางต้นไม้ ได้ถูกธรรมชาติบ่มเพาะความรักในต้นไม้มาตั้งแต่วัยเด็ก จนเมื่อเริ่มเติบโตและเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากการอยู่ในตึกแถวที่ไม่มีพื้นที่สีเขียวมากนัก ยิ่งทำให้โหยหาความสดชื่นจากธรรมชาติที่คุ้นเคย

       วันเวลาผ่านไปกระทั่งถึงวัยที่พร้อมด้วยการงาน และความมั่นคงในชีวิต ทำให้เขาตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณมากพอที่จะจำลองบรรยากาศความสุขในวัยเด็กมาไว้ที่บ้านในกรุงเทพฯ ด้วยการปลูกต้นไม้นานาพรรณ ซึ่งความชอบในต้นไม้ยังได้ส่งผ่านมาที่บ้านหลังที่สองของคุณวิทอง หรือออฟฟิศแห่งนี้นั่นเอง ส่งต่อความสุขให้พนักงานที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

 

โดยเขาเล่าย้อนไปว่าสมัยก่อนที่ออฟฟิศจะย้ายมาที่นี่ เราทำงานกันในห้องสี่เหลี่ยม มองไปทางไหนก็เจอแต่ฝาผนัง จนเมื่อบริษัทเติบโตขึ้นตามความสำเร็จ ก็ถึงเวลาขยับขยายโดยเปลี่ยนที่ดินรกร้างเป็นป่ารกทึบให้กลายเป็นออฟฟิศที่แวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่ผ่านการจัดวางมาอย่างดี เพราะด้วยความที่บริษัททำงานด้าน Creative และ Innovative คุณวิทองจึงต้องการสร้างบรรยากาศให้พนักของเราได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน  ใช้ธรรมชาติให้ช่วยสร้างความผ่อนคลาย รวมไปถึงกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์แก่พนักงาน

เขาขยายความว่าลูกน้องทุกคนคือคนสำคัญของบริษัท ที่ช่วยกันขับเคลื่อนบริษัทให้เดินมาถึงปัจจุบัน หนึ่งใน Key Success Factor ขอคุณวิทองคือ ทำให้ลูกน้องมีความสุขในการทำงาน การตอบแทนด้วยเงินเดือน และสวัสดิการคือสิ่งพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เขาอยากสร้างบรรยากาศให้ทุกคนในออฟฟิศรู้สึกผ่อนคลายเมื่อมาทำงาน ถือเป็นการตอบแทนทางใจ ด้วยต้นไม้ และธรรมชาติในออฟฟิศ

“ ทั้งหมดส่วนหนึ่งเราต้องการตอบแทนให้ลูกน้อง โดยความเชื่อผมเองเชื่อว่าต้นไม้ และธรรมชาติสามารถเยียวยาจิตใจให้สดชื่น และผ่อนคลายได้ คงไม่มีใครไม่ชอบบรรยากาศร่มรื่น หลังจากปลูกต้นไม้ทั่วบริเวณเยอะขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าพนักงานทุกคนแฮปปี้ เพราะพวกเขาไม่ได้แค่นั่งโต๊ะทำงานอย่างเดียว แต่สามารถนั่งตรงจุดไหนก็ได้ในสวนเพราะทุกจุดรับสัญญาณ Wi-fi ได้อย่างทั่วถึง นั่งกินข้าวใต้ต้นไม้ก็ได้ นั่งคุยกันริมน้ำ ลูกน้องหลายคนเขาก็ชอบต้นไม้เหมือนเรา เขาก็ช่วยดู ไปซื้อปุ๋ยมาใส่บ้าง  ต้นไม้เขาก็จะเขียว สุขภาพดีตลอดเวลา เหมือนเรา และต้นไม้ได้ดูแลซึ่งกันและกัน ”

คุณวิทองเล่าว่าต้นไม้ทุกต้นเลือกมาด้วยความพิถีพิถัน มีทั้งต้นที่มาใหม่ และต้นไม้บางต้นมาจากออฟฟิศเดิมเพื่อเป็นที่ระลึก เพื่อเตือนตัวเองถึงวันเวลาที่ผ่านมา และความเปลี่ยนแปลงของชีวิตกว่าที่จะมายืนในจุดนี้ อาทิ ต้นกล้วยหนึ่งเดียวในสวนนี้ แม้มันจะดูธรรมดา และไม่เข้ากับไม้ชนิดอื่นเท่าไรนัก แต่ต้นกล้วยต้นนี้มีความหมายต่อเขามาก เพราะเป็นต้นไม้ที่มาจากบ้านสวนที่เขาได้เติบโตมาในช่วงตั้งไข่ของชีวิต

สำหรับต้นไม้ที่ซื้อมาลงใหม มีทั้งไม้ใหญ่อย่าง จิกน้ำ มั่งมี เหลืองปรีดียาธร และไม้เล็กอย่างสับปะรดสี เฟิร์น ซานนาดู เน้นเป็นไม้ใบเป็นส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงไม้ผลเพื่อป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามามากเกินไป แต่ก็มีปลูกไว้บ้างอย่างต้นหว้าที่มีนกแวะเวียนมากินพร้อมส่งเสียงร้องให้สวนดูมีชีวิตชีวาในบางครั้ง สำหรับต้นโปรดที่สุดคือต้นพะยอม ที่อยู่ด้านข้างห้องรับรองด้านหน้า ด้วยที่ว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีความพิเศษที่รูปทรงแปลกตา กิ่งก้านสาขาแผ่ออกไปคล้ายกับรูปทรงของมือที่กำลังโอบอุ้ม คุณวิทองเชื่อว่าเหมือนกำลังรับทรัพย์อยู่นั่นเอง

นอกจากไม้ใบสีเขียวยังมีการสร้างธารน้ำตกล้อไปตามแนวทางเดินสำหรับเลี้ยงปลา ช่วยให้ความชุ่มชื้นจนสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายเมื่อได้เข้ามาใช้งานในสวน ทำให้ภาพรวมของสวนออกไปทางสวนป่าชื้นเขตร้อน

ด้านการดูแลรักษาใช้ระบบ Sprinkle ดูแลในส่วนของเฟิร์นไม้ใบที่ต้องการความชื้นอย่างสม่ำเสมอ ปลูกไม้เล็ก ไม้กลาง และไม้ใหญ่ ผสมกัน เพื่อให้เกิดภาวะที่ธรรมชาติอิงอาศัยกัน อย่างไม้เล็กที่ไม่ชอบแดดนักอย่างเฟิร์น บีโกเนีย จะได้รับร่มเงาจากไม้ใหญ่ในช่วงที่แดดแรง

นอกจากนั้นในเวลาที่ลูกค้ามาที่บริษัท ก็มีการจัดเตรียมห้องที่รอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ส่งต่อความสุขไปให้ลูกค้าเช่นกัน สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าหรือใครก็ตามที่ได้มาออฟฟิศของเรา “ ลูกค้าบางรายขอดูปรู๊ฟที่บริษัทเรา เพราะลูกค้าเขาชอบที่นี่ มาก บางคนก็ถามว่าอันนี้ต้นอะไร ต้นไม้มาจากไหน ฝั่งนั่นต้นอะไร ปลูกอย่างไร เราก็จะมีคนคอยอธิบายเกี่ยวกับต้นไม้ต่างๆในสวนของเราให้ลูกค้าฟัง สิ่งเล็กๆ ที่เราไม่ละเลย ”

เวลาที่นึกถึงออฟฟิศ ภาพในความคิดของหลายคนอาจจะเห็นแต่ความเครียด ความกดดันแต่ออฟฟิศแห่งนี้นั้นต่างออกไปเพราะอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นมันถูกบรรเทาได้ด้วยสีเขียวของสวนป่าและเสียงน้ำกระทบกันจากธารน้ำตก จนเราอาจจะพูดได้ว่าธรรมชาตินอกจากจะดีต่อใจแล้ว ในบางครั้งยังดีต่องานด้วยเช่นกัน

Facebook Comments
By LifeandHome Admin, 08/02/2020
Leave a Reply
Change language:
Instagram API currently not available.
Instagram API currently not available.