Back to home
Condo, HOME

ขับเคลื่อนความเป็นไทยด้วยการออกแบบระดับโลก สู่ชีวิตเหนือมหานครกรุงเทพฯที่ The ESSE Sukhumvit 36

 

ในวันนี้ Life and Home จะพาไปพบกับคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่เปิดตัวเป็นแห่งที่ 3 ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลกลางเมือง ย่านทองหล่อ ซึ่งก็คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 (The ESSE Sukhumvit 36) แน่นอนว่ายังคงถูกวางอยู่ในกลุ่ม ULTIMATE CLASS แบบเดียวกับ The ESSE แห่งอื่น แต่ The ESSE Sukhumvit 36 ได้มีการดึงรากความเป็นไทยมานำเสนอให้ดูร่วมสมัยผ่านการออกแบบตัวอาคารตลอดจนรายละเอียดการตกแต่งห้องอย่างประณีต

หากใครอยากมาดูห้องตัวอย่างด้วยตัวเอง ปัจจุบัน Sale Office ได้ย้ายจากซอยสุขุมวิท 36 มาอยู่ที่อาคารสำนักงาน สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The Office at Singha Complex) บนชั้น 14 โดยความพิเศษที่ทางสิงห์เอสเตทเตรียมไว้รอลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการ คือ Estate Lounge ในชั้น G ไว้สำหรับรับรองลูกค้า มีบริการของว่างและน้ำดื่ม และที่สำคัญที่สุดคือนวัตกรรมการชมข้อมูลโครงการแบบใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Object touch ที่จะพาลูกค้าไปสัมผัสรายละเอียดของโครงการได้ทั้งหมดเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนแท่นหน้าจอ Touch Screen จะมีทั้งข้อมูลภาพและเสียงขึ้นมาให้ชมโดยอัตโนมัติสะท้อนความทันสมัยของ Singha Estate ที่ต้องการทำให้การอยู่อาศัยและนวัตกรรมเป็นเรื่องเดียวกัน

The ESSE  Sukhumvit 36 คือคอนโด High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร 338 ยูนิต ตึกระฟ้าแห่งอนาคตที่กำลังจะตั้งตระหง่านใจกลางทองหล่อแห่งนี้เป็นร่วมกันทุนระหว่างสิงห์ เอสเตท กับ Hongkong Land เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในเอเชียที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุน การจัดการ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำธุรกิจในฮ่องกง

ออกแบบในแนวคิด A Harmony of Contrast ตั้งใจสื่อถึงความแตกต่างของภาพวิจิตร ละเอียดประณีตที่อยู่ในวิถีความเป็นไทยและยุคสมัยแห่งความเป็นโมเดิร์นที่ผสานกันอยู่อย่างกลมกลืน ก้าวไปสู่อนาคตโดยไม่หลงลืมอดีต โดยได้ทีมนักออกแบบระดับโลกมาสร้างสรรค์ให้ทั้งโครงการตั้งแต่ภูมิสถาปัตยกรรม ตลอดจนงานสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอก

ในส่วนสถาปัตยกรรมโดย SOM (Skidmore, Owings and Merrill) เป็นบริษัทด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมชื่อดังจากนิวยอร์ก ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบอาคารสูง และอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ด้านงานภูมิสถาปัตยกรรมโดย SHMA และสถาปัตยกรรมภายในโดย DWP(Design Worldwide Partnership)

ถ้าใครสนใจอยากชมห้องตัวอย่าง สามารถมาติดต่อได้ที่ Estate Lounge ชั้น G ที่นี่จะมีพนักงานขายพาขึ้นไปชมห้องตัวอย่างที่ชั้น 14 ของอาคาร Singha Complex โดยจะมีห้องตัวอย่าง 2 ขนาดคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 38.50 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom ขนาด 73.50 ตารางเมตร โดยความสูงของฝ้าในทุกยูนิตมีความสูงถึง 3 เมตร เพื่อช่วยเพิ่มความโล่ง โปร่ง สบาย สำหรับการอยู่อาศัยให้มากที่สุด

โดยทางโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ Built in ที่ติดตั้งมาให้มีสีน้ำตาล, ขาว, เทาและทอง ทำให้บรรยากาศของห้องจะมี mood & tone ไปทางเอิร์ธโทน ด้านฟังก์ชั่นมาพร้อมกับวัสดุระดับพรีเมี่ยมอย่างชุดครัวและสุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ Built in ทั้งในห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้องน้ำที่มีการซ่อนนวัตกรรม Home Automation ไว้ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน โดยจะมีในส่วนไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ

สำหรับห้อง 1 Bedroom แปลนจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีการจัดสรรพื้นที่ภายในได้อย่างลงตัว ก่อนจะเข้าไปในห้องเรามาดูกันที่ประตูขนาด Oversize ที่มาพร้อมกับ Digital Door Lock จาก Sumsung ในทุกยูนิต สามารถเซ็ตระบบความปลอดภัยได้ทั้งแบบระบบคีย์การ์ด กดรหัส และแสกนลายนิ้วมือ

เมื่อเข้ามาจะเจอกับมุมครัว มีเคาน์เตอร์ทรงตัว L มาพร้อมกับเตาไฟฟ้า เตาอบจากแบรนด์ Kuppersbusch พร้อมกับโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ตู้และบานปิดสำหรับเก็บของแบบ Built in กรุด้วยกระจกสีชาทอง เพิ่มความหรูหราและกว้างขวางให้กับห้อง โดยเป็นครัวแบบเปิด มีข้อดีคือช่วยให้พื้นที่เชื่อมต่อกัน ทำให้มุมมองห้องดูกว้างขวาง หากกังวลเรื่องกลิ่นที่อาจจะรบกวนในส่วนอยู่อาศัย ก็สามารถวางใจได้เพราะทางโครงการได้ติดตั้ง Hood จากแบรนด์ Kuppersbusch มาให้เพื่อช่วยขจัดเรื่องกลิ่นรบกวนในขณะทำอาหาร

ในส่วนอ่างล้างจาน เป็นแบบหลุมเดี่ยวทรงสี่เหลี่ยม จากแบรนด์ชั้นนำ Franke โดยก๊อกน้ำที่สามารถปรับทิศทางซ้าย-ขวาได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนั้นช่องเปิดเก็บของด้านบนเป็นระบบ Hydraulic เพียงกดที่มุมขวา หน้าบานก็จะเปิดด้วยการยกตัวขึ้นไปแบบบานพับข้อศอกโดยอัตโนมัติ

ผนังครัวปูด้วยหิน composite quartz สีดำริ้วขาวแบบเดียวกับที่ Top เคาน์เตอร์ นอกจากให้ลวดลายที่หรูหราแล้วยังมีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการทำความสะอาด เหมาะสำหรับการทำครัวเป็นอย่างยิ่ง

ถัดมาเป็นติดกันเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น บริเวณนี้เติมกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยพื้นในส่วนนี้ที่จะปูด้วยไม้ Engineering Wood สี Dark Oak ปูในลักษณะของลายก้างปลา อันเป็นเสน่ห์ของบ้านไทยในอดีตที่นิยมนำแผ่นไม้มาเรียงต่อกันที่ละแผ่นจนเกิดเป็นลวดลายสวยคลาสสิก คุมสีเอิร์ธโทนของห้องด้วยผ้าม่านสีเทาอมน้ำตาลจากแบรนด์ผ้าไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง Jim Thompson พร้อมทั้งใส่รายละเอียดผนังด้านหลังทีวีด้วยความหรูหราจากธรรมชาติที่ทางโครงการ Built-in หินอ่อนธรรมชาติแท้มาให้ โดยจะต่างกันไปตามห้องแต่ละแบบ ซึ่งห้องนี้จะใช้เป็นผนังหินอ่อน White Marmara สีน้ำตาล อบอุ่น โดยมีความกว้างสามารถใส่ทีวีได้ขนาด 49 นิ้วเลยทีเดียว

นอกจากการตกแต่งที่เลือกสรรวัสดุมาอย่างประณีตแล้ว มุมนั่งเล่นยังอยู่ติดกับระเบียงช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติและลมให้สามารถผ่านเข้ามาได้ เป็นการสร้างบรรยากาศให้ถ่ายเท ปลอดโปร่ง เหมาะสำหรับการพักผ่อนได้อย่างดี และอย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่าทางโครงการจะใส่รายละเอียดความเป็นไทยเข้าไว้กับนวัตกรรมการอยู่อาศัย ภายในจึงติดตั้งระบบ Smart Home ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดของระบบไฟรวมไปถึงผ้าม่านได้โดยผ่านรีโมทหรือแอพพลิเคชั่น เพื่อช่วยตอบโจทย์ชีวิตการอยู่อาศัยให้ง่ายขึ้น

ต่อมาเข้ามาที่ห้องนอน สามารถวางเตียงได้สูงสุด 6 ฟุต บริเวณนี้มีการกรุกระจกใสขนาดเต็มผนัง ด้านข้างหัวเตียงยังมีพื้นที่มากพอที่จะวางชุดโต๊ะทำงานหรือตู้หนังสือขนาดกะทัดรัดได้อีกด้วย โดยภายในห้องนอนเชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัวโดยจะมี walk-in closet คั่นอยู่ระหว่างกลาง เพื่อให้สะดวกในการแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ

ภายในห้องน้ำเมื่อเข้ามาจะพบกับ อ่างล้างมือที่ Top ด้วยหินอ่อน Black Marquina และพื้นใช้เป็นกระเบื้อง porcelain วัสดุที่มีอัตราการดูซึมน้ำต่ำ ด้านสัดส่วนมีการแบ่งพื้นที่การใช้งานระหว่างโซนเปียกสำหรับการอาบน้ำแบบฝักบัว และโซนแห้งสำหรับวางสุขภัณฑ์แบบ wall hung รวมถึงอ่างอาบน้ำที่ถูกกั้นออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนด้วยกระจกใส โดยทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และอ่างอาบน้ำมาจากแบรนด์ TOTO

มาต่อกันที่ห้อง 2 Bedroom ขนาด 73.50 ตารางเมตร เป็นรูปทรงตัวแอล วัสดุ ฟังก์ชั่นและการตกแต่งทึ่ให้มาจะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom จะต่างกันเพียงแค่ขนาดและมุมมองในบ้างห้องเท่านั้นเอง เมื่อเข้ามาจะสัมผัสได้เลยว่าภายในห้องนี้จะได้ครัวที่ใหญ่ขึ้น มีอ่างล้างจานเเบบ 2 หลุม และพิเศษคือมี Island เคาน์เตอร์แถวยาวสำหรับเตรียมอาหาร มุมเตรียมจาน หั่นผัก แล่เนื้อ แยกออกไปจากเตาต่างหาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเป็นอย่างมาก พร้อมมีโต๊ะอาหารขนาด 4 ที่นั่งเชื่อมต่อกันเป็นแถวยาว สามารถใช้มุมนี้จัดงานปาร์ตี้เล็กๆได้สบายๆ โดยมุมนี้ยังคงเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นที่ติดกับระเบียงเหมือนห้องอื่นๆ หากแต่มีพื้นที่ใหญ่กว่า และถ้าต้องการติดบานกระจกเพื่อกั้นพื้นที่ครัวให้เป็นสัดส่วนก็สามารถทำได้เช่นกัน

เมื่อเดินต่อไปอีกภายใน จะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากขึ้น โถงทางเดินที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำเอาไว้ด้วยกัน เดินตรงไปตามโถงทางเดิน ฝั่งด้านขวาจะเป็นห้องนอนรับรอง และห้องน้ำรับรองสำหรับแขก สำหรับห้องน้ำแน่นอนว่าทางโครงการได้มีการแบ่งพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้งมาให้แยกออกจากนั้นเพื่อความสะดวกในการใช้งานเช่นเคย ซึ่งมาพร้อมด้วยชุดสุขภัณฑ์แบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom  นอกจากนั้นเหนืออ่างล่างมือจะมีจุดปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับไดร์เป่าผมอีกด้วย

สำหรับห้องนอนรับรอง แม้จะไม่ใช่ไซส์มาสเตอร์แต่ก็มีความกว้างขวางพอสมควร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยยังมีพื้นที่เหลือเดินได้รอบเตียง และยังสามารถวางโต๊ะทำงานไว้ด้านข้างเตียง พร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ Built-in อีกหนึ่งบาน ฝั่งข้างเตียงสามารถชมวิวได้จากกระจกบานฟิกส์ขนาดใหญ่

ด้านซ้ายจะเป็นห้อง Master Bedroom สามารถวางเตียงได้ 6 ฟุต ด้านปลายเตียงสามารถวางชั้นทีวี ความพิเศษของห้องนี้คือมีกระจกใสบานใหญ่ติดตั้งแบบเข้ามุม ทำให้สามารถเปิดรับกรุงเทพได้แบบ 180 องศา ทั้งในเวลากลางวัน และนอนชมภาพมหานครแห่งแสงสีได้แบบส่วนตัวในเวลากลางคืน

ออกมาจากห้องนอนจะเจอมุมโต๊ะทำงานแบบเป็นส่วนตัว อยู่ระหว่างห้องนอน Master กับห้องน้ำ โดยสำหรับห้องน้ำส่วนตัวของห้องนอน master จะแบ่งโซนเปียกและโซนแห้งออกจากกันเช่นเคย ด้วย Shower Box กระจกใสเต็มบานและผนังหินอ่อนแท้หนึ่งด้าน ในส่วนของ Shower

ไม่เพียงแต่ส่วนห้องพักอาศัยเท่านั้น ที่ทางโครงการใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยคุณภาพ แต่พื้นที่ส่วนกลางยังมาพร้อมกับ Facilities ที่ครบครันตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนท่ามกลางต้นไม้สีเขียวและธรรมชาติที่ Sunken Lawn Garden ด้านหน้าโครงการที่โอบล้อมไว้ด้วยต้นไม้ เสมือนเป็นกำแพงที่ช่วยซับความวุ่นวายของสังคมเมืองไม่ให้เข้ามาถึงภายในโครงการได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้สายน้ำล้อมรอบบริเวณแบบเดียวกับบ้านเรือยไทยในอดีตเพื่อสร้างความเย็นขณะมานั่งพักผ่อนในสวน

หรือถ้าใครเหนื่อยล้าจากการทำงาน บนชั้น 7 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่รวบรวม facilities ไว้คอยช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่าสดชื่นพร้อมความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดยาว 25 เมตร กว้าง 6 เมตร เรียกได้ว่าเป็นความยาวของสระที่ช่วยเอื้อให้เราออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังมี Fitness, ห้องอบไอน้ำ (Steam Room), บ่อออนเซนแยกชาย-หญิง (Horizon Onsen) และสปา (Treatment Room) ไว้คอยบริการขจัดความเมื่อยล้าอีกด้วย

ในส่วนของชั้น 41-43 และ rooftop เป็นพื้นที่ส่วนกลางเรียกว่า Rice Field Garden ได้แนวคิดมาจากการปลูกนาแบบขั้นบันได ประกอบไปด้วย ห้องสำหรับทำกิจกรรม Indoor ไม่ว่าจะเป็นห้องพูดคุยสังสรรค์ที่ The Residence Lounge หรือห้องสำหรับจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ก็มี Space for private parties แม้กระทั่งคอหนังก็มีโรงภาพยนตร์ไว้ชมแบบเต็มตาที่ Sky Theatre โรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่มองเห็นวิวกรุงเทพมหานครได้รอบ และชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ของ Roof Orchard เป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่เป็นการเล่าเรื่องวิถีการเกษตรของคนไทยที่มีมาตั้งแต่ในอดีตมาให้คนเมืองได้สัมผัสโดยจะเป็นแปลงผักที่เตรียมไว้ให้สำหรับลูกบ้านทุกยูนิตได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติผ่านการลงมือปลูกผักด้วยตัวเอง

 

แสงไฟที่ไม่เคยดับของย่านทองหล่อ สะท้อนการให้เห็นเติบโตของสังคมเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ในขณะเดียวกันพื้นที่แห่งนี้ก็มีประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯตั้งแต่ในอดีตถูกบันทึกอยู่ด้วยเช่นกัน แม้จะเวลาแต่ความแตกต่างนี้กลับรวมกันเป็นแรงบันดาลใจ และถูกหล่อหลอมจนออกมาเป็น The ESSE  Sukhumvit 36 คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย และคงไว้ด้วยรากความเป็นไทยอย่างลงตัว


 

ติดต่อสอบถาม

Tel. 1221

Website : The ESSE Sukhumvit 36

Facebook Comments
By Unchisa.P, 05/11/2019
Leave a Reply
Change language:
Instagram API currently not available.
Instagram API currently not available.