โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์ – พระราม 5′ ภายใต้แบรนด์ เอสซี แอสเสทฯ ที่พร้อมเปิดตัวคฤหาสน์รุ่นใหม่ โดยจะเปิดให้จองครั้งแรก วันที่ 23 มิย 62 นี้ แบบบ้านใหม่ 2 รุ่น ที่มีการปรับและ พัฒนามาจากการใช้งานจริง โดยมีการเพิ่มฟังก์ชันให้เหมาะสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะสำหรับครอบครัวใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเติมเต็มรูปแบบการใช้ชีวิตได้อย่างรอบด้าน และให้ครอบครัวทุก Gen ได้ใกล้ชิด และเข้าใจมากยิ่งขึ้น
การออกแบบดีไซน์ของคฤหาสน์รุ่นใหม่นั้น ยังคงสวยงาม ด้วยลักษณะบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ถูกจัดสรรพื้นที่การใช้สอยอย่างลงตัว เหมาะกับการพักอาศัยและการใช้ชีวิตของสังคมเมือง พร้อมทั้งยังมีการออกแบบอย่างประณีตในสไตล์ Modern Luxury ภายใต้แนวความคิดหลัก อย่าง ‘The Luxury of now – นิยามความหรูที่คุณกำหนดเอง’ ในราคาเริ่มต้น 24.9 ล้าน
‘New Porch’ คฤหาสน์รุ่นใหม่ ถูกพัฒนามาจาก รุ่นเดิมที่ชื่อ Porch โดยมีปรับฟังก์ชั่นการใช้งานจริงๆ ของลูกค้าที่เข้าอาศัยอยู่จริง เอสซีฯ มีการออกแบบสำหรับครอบครัวเดี่ยวยุคใหม่ และสำหรับ บ้านรุ่น New Porch ได้ทำการจับกลุ่มเป้าหมายแบบครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดย ลักษณะภายนอกอาคารโดยรวม เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น พร้อมลิฟท์ส่วนตัว มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 563 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ และที่ถือเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับบ้านรุ่นนี้ คือ การออกแบบเพื่อรองรับครอบครัวที่มีเด็กและผู้สูงอายุ ภายใต้การใช้ชีวิตลักษณะนี้ โครงการจึงออกแบบให้บ้านทุกหลัง มีการติดตั้งลิฟต์โดยสารมาให้ในตัวบ้าน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย อย่างแท้จริง
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาด้านใน จะพบกับห้องนั่งเล่นที่มีการออกแบบในลักษณะ Grand Double Volume ซึ่งมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 เมตร ทำให้พื้นที่ โอ่อ่า โปร่งโล่งสบายและยังสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่บริเวณชั้น 2 ถือเป็นการเชื่อมพื้นที่ทั้ง 2 ชั้นเข้าไว้ด้วยกันตามหลักการออกแบบทาง Interior Design ไม่เพียงเท่านั้นยังเปิดช่องแสงด้วยหน้าต่างกระจกเต็มบานจนถึงฝ้าเพดานด้านบน ยิ่งโปร่ง และช่วยเพิ่มมิติของแสงสว่าง ลดความอับชื้น เพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ถัดเข้ามาด้านในถูกจัดสรรพื้นที่ให้เป็น Double Living หรือห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนส่วนนี้เป็นพื้นที่ของห้องทำงาน หรือจัดเป็นห้องนอนอีกห้องก็สามารถทำได้ เพราะพื้นที่ในส่วนนี้มีขนาดกว้างพอที่จะปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
พื้นที่บริเวณนี้ยังเลือกใช้ประตูบานเลื่อนกระจกใสแบบเต็มบาน เพื่อเปิดรับช่องแสงรวมถึงการระบายอากาศจากภายนอก ที่สำคัญยังเป็นการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน ถือเป็นการเลือกจัด SPACE ที่ชาญฉลาดและสะดวกต่อการใช้งาน
หลังจากพาชมบรรยากาศโดยรวมของพื้นที่บริเวณ Common Area อย่างห้องนั่งเล่น, มาถึงไฮไลท์ของชั้น 1 อย่าง ‘ห้องนอนล่าง’ ที่มีจุดเด่นด้วยการออกแบบในลักษณะ Universal Design หรือการออกแบบเพื่อตอบสนองการใช้งานของคนทุกกลุ่ม
จะเห็นได้ว่าภายในห้องชั้นนี้มีการออกแบบให้บรรยากาศภายในมีความสว่างน้อย เพราะทางโครงการเน้นให้ห้องนอนด้านล่างนี้ เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และที่สำคัญยังใส่ใจในเรื่องของการเลือกใช้วัสดุปูพื้นอย่าง SCG Soft Floor เพื่อรองรับน้ำหนักในการเดินภายในห้อง รวมถึงลดแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และหากลองสังเกตจะพบว่าภายในห้องนี้ไม่มีที่คั่นหรือคิ้วบัวกั้นระหว่างพื้นที่ใช้งาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินของผู้สูงอายุและเด็กเล็กนั้นเอง
ภายในห้องน้ำถูกออกแบบมารองรับการใช้งาน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ที่สามารถนำรถเข็นวิลแชร์ เข็นผ่านเข้ามาใช้งานได้ สุขภัณฑ์โถชำระ ราวจับตามผนังซึ่งจะช่วยพยุงน้ำหนักตัวของผู้ใช้งาน หรือแม้แต่ วัสดุปูพื้นและผนังเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ที่ช่วยในเรื่องของความปลอดภัย กันลื่นและไม่กักเก็บความชื้น รวมถึงการออกแบบให้ช่องแสงไว้ด้านบนช่วยลดในเรื่องของความอับชื้นและยังช่วยเพิ่มความสว่างได้มากขึ้น
มาต่อกันที่ ส่วนเชื่อมต่อ ระหว่างห้องนอนล่างและ Double Living เป็นส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร สำหรับพื้นที่ส่วนนี้ตั้งอยู่บริเวณตรงกลาง โดยแบ่งทางด้านฝั่งซ้ายเป็น Foyer ทางเข้าจากลานจอดรถหน้าบ้าน ส่วนทางด้านขวามือเป็นส่วนของห้องนอนและห้องครัว ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกันในลักษณะตัวที (T)
ติดกับส่วนรับประทานอาหารบริเวณ Foyer ทางเข้าจากลานจอดรถ ทางโครงการเลือกวางตำแหน่งลิฟต์โดยสารไว้ เพื่อรองรับการใช้งาน ซึ่งลิฟต์โดยสารตัวนี้สามารถบรรจุคนได้มากถึง 4 คน
เดินตรงมาด้านหน้าจากพื้นที่รับประทานอาหาร จะถูกแบ่งพื้นที่สำหรับ Pantry หรือครัวแบบตะวันตกพร้อมมินิบาร์สำหรับนั่งดื่มเครื่องดื่ม ซึ่งสามารถจัดวางเก้าอี้ได้มากถึง 3 ที่นั่งด้วยกัน
ติดกับ Pantry ทางด้านขวามือจะมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่เอาไว้ เมื่อเปิดเข้ามาด้านในจะพบกับครัวไทยหรือครัวแบบปิด ซึ่งเหมาะสำหรับการปรุงอาหารหนัก ทางโครงการจึงแยกพื้นที่นี้ออกมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องของกลิ่นและควันที่จะตามมา
ขึ้นมาบนชั้น 2 จะพบกับพื้นที่สำหรับครอบครัวอย่าง Family Area หรือห้องนั่งเล่นด้านนอก พื้นที่ถูกจัดสรรสำหรับการพักผ่อน ดูโทรทัศน์, นั่งอ่านหนังสือ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน จุดเด่นของพื้นที่นี้มีอยู่ 3 อย่าง
1.ด้านในมีพื้นที่มากพอสำหรับการแบ่งสัดส่วน สร้าง Partition แยกเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์ในส่วนอื่นได้
2.มีระเบียงด้านนอกถูกจัดวางในลักษณะตัวแอล (L) มีความกว้างพอที่จะวางเก้าอี้ขนาดเล็กสำหรับนั่งพักผ่อนแบบ Out-door
3.สามารถมองเห็นห้องนั่งเล่นด้านล่างที่ออกแบบในลักษณะ Grand Double Volume สูงถึงพื้นชั้น 3 เฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 เมตร เป็นการเชื่อมพื้นที่ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 เข้าไว้ด้วยกัน
สำหรับระเบียงด้านนอกสามารถเชื่อมต่อเข้ามาด้านในได้เพียงเปิดประตูบานเลื่อนออก นอกจากจะช่วยในเรื่องของความโปร่งสบายแล้ว ยังทำให้ภายในมีการหมุนเวียนและระบายอากาศได้ดี
ในพื้นที่ของ Family Area ยังสามารถมองลงไปเห็นบริเวณห้องนั่งเล่นด้านล่างได้ นอกจากความสวยงามแล้วยังทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ทั้ง 2 ชั้น
บนชั้น 2 จะถูกแบ่งห้องนอนออกเป็น 2 ห้อง ได้แก่ห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ เมื่อเดินตรงจาก Family Area เข้ามาทางด้านขวาจะพบกับห้องนอนใหญ่ ที่มีการจัดส่วนของพื้นที่การใช้งานได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถวางโซฟาแบบเข้ามุม 4-6 ที่นั่งได้สบาย อีกทั้งยังเหลือพื้นที่สำหรับแบ่งส่วนจัดเป็นมุมทำงานขนาดกลางได้ โดยที่ยังเหลือพื้นที่ทางเดินและประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ
ห้องนอนใหญ่มีพื้นที่มากพอให้วางเตียงนอนแบบ King Size (6ฟุต) โดยที่ยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงไว้สำหรับวางโต๊ะข้างเตียง บรรยากาศภายในห้องมีความสว่างน้อย เพราะทางโครงการมีการออกแบบเพื่อให้เหมาะสมต่อการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว
สำหรับห้องนอนใหญ่บนชั้น 2 มีระเบียงที่สามารถเข้า-ออก ได้ 2 ทาง คือบริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ และห้องนอนที่เป็นประตูบานเปิดขนาดเล็ก โดยรวมของระเบียงมีขนาดอยู่ที่ 1.20-1.50 ม. ทำให้วางเก้าอี้และโต๊ะขนาดเล็กได้ 2 ตัว
บริเวณหัวเตียงที่บุเป็นเบาะแอบซ่อนลูกเล่นเอาไว้ โดยที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ เมื่อเปิดออกมาจะพบกับหน้าต่างช่องแสง เป็นการซ่อนฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์การใช้ตามช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น ตอนเช้าต้องการแสงสว่างเข้ามาในห้องเพื่อลดความชื้นให้เปิดออก หรือหากต้องการความเป็นส่วนตัวหรือพักผ่อนก็สามารถปิดได้
ในพื้นที่ห้องนอนมีการสร้างผนังแบ่งออฟชั่นเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอน ภายในมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าชิดฝั่งซ้ายและขวา โดยที่ผนังด้านที่ติดกับห้องนอนเลือกจัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเว้นช่องประตูสำหรับทางเข้าไปยังส่วนของห้องอาบน้ำ
ห้องน้ำถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือบริเวณส่วนชำระที่มาพร้อมอุปกรณ์และสุขภัณฑ์อยู่ทางด้านซ้ายมือ โดยมีอ่างล้างหน้าคั่นกลางระหว่างโซนแห้งและโซนเปียก วัสดุภายในห้องนี้เลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนนอกจากมีคุณสมบัติกันลื่น ไม่เก็บความชื้นแล้ว ยังให้ความรู้สึกหรูหราสวยงาม เพิ่มบรรยากาศให้ห้องน้ำน่าใช้งานเป็นเท่าตัว
มาถึงห้องนอนเล็ก แต่ขนาดไม่เล็กเหมือนชื่อเพราะภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถเลือกวางเตียงแบบ Queen Size (5ฟุต) โดยยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ อีกทั้งภายในห้องยังเลือกเปิดช่องแสงด้วยกระจกแนวยาวแบบเข้ามุม ถือเป็นการเพิ่มจุดเด่นให้กับตัวห้อง
ในพื้นที่ห้องนอนมีการสร้างฉากกั้น เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้งานระหว่างพื้นที่พักผ่อนกับห้องน้ำและห้องแต่งตัว ซึ่งบริเวณฉากกันสามารถเพิ่มออฟชั่นเป็นโต๊ะทำงานขนาดเล็ก หรือใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่เชื่อมต่อกับพื้นที่แต่งตัว
ห้องน้ำในห้องนี้มีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้ง พร้อมกับอุปกรณ์และสุขภัณฑ์ รวมถึงวัสดุปูพื้นและผนังอย่างกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนกับห้องน้ำบริเวณชั้นหนึ่งทุกประการ
เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 มีการออกแบบใหม่ ขยายพื้นที่ เพิ่มฟังก์ชั่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง มีการปรับฟังก์ชั่น ให้ดีขึ้นและใช้พื้นที่ใช้สอย ได้ดีกว่ารุ่นเดิมพอสมควร โดยมีการขยายส่วนพักผ่อนชั้นบน และ ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ก็เพิ่มขนาดให้คล้ายเป็นห้องมาสเตอร์ทั้งคู่เคย
ห้องนอนบนชั้น 3 มีขนาดใกล้เคียงกับห้องนอนเล็กบริเวณชั้น 2 ที่มีขนาดกำลังพอดี สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้โดยไม่อึดอัด ซึ่งทางโครงการฉลาดที่จะเลือกเพิ่มความโปร่งในพื้นที่ขนาดเล็ก ด้วยการเปิดพื้นที่ด้วยบานกระจกใส นอกจากจะช่วยลดความอึดอัดได้แล้ว ยังช่วยในเรื่องของแสงและการระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
ส่วนฝั่งตรงข้ามของเตียงนอนมีการแบ่งพื้นที่สำหรับแต่งตัวและห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่ทางเดินมาขนาดอยู่ที่ 80 ซม. โดยประมาณ ถือว่าไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือหมุนตัวได้โดยไม่ติดเฟอร์นิเจอร์ใดๆ
ถัดจากส่วนกลางของชั้นนี้เข้ามาจะพบกับอีกหนึ่งห้อง ซึ่งห้องนี้ทางโครงการเลือกที่จะทำเป็นห้องอเนกประสงค์ จริงๆแล้วสามารถ เลือกจัดเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็กก็สามารถเลือกจัดเป็นห้องเด็กเล็กเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการได้ ในส่วนนี้ทางโครงการเลือกจัดเป็นห้องสำหรับดูหนัง ที่มีการ Built-in เคาท์เตอร์บาร์สำหรับเก็บเครื่องดื่มมาให้ด้วย
เดินออกมาจากห้องนอนจะพบกับพื้นที่ส่วนกลาง ถูกออกแบบให้เป็น พื้นที่ส่วนตัว ที่สามารถสร้างกิจกรรมระหว่างภายในครอบครัวได้ หรืออาจจะปรับเป็นพื้นที่ทำงาน หรือมุมไหว้พระก็ได้ เนื่องจากมีเนื้อที่มากพอ ในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานตามความต้องการของเรา
นี่คือทั้งหมด ของบ้านเดี่ยว 3 ชั้นรุ่นใหญ่ Type ‘New Porch’ โดยโครงการ มีแบบบ้านอีกรุ่นหนึ่งชื่อ New Tribeca เป็นบ้านเดียว 3 ชั้นพร้อมลิฟท์ส่วนตัว เช่นกัน พื้นที่ใช้สอย 451 ตรม ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้าน ซึ่งฟังก์ชั่นบ้านนั้นน่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยโครงการจะเปิดตัว คฤหาสน์ทั้ง 2 รุ่นครั้งแรก ในวันที่ 23 มิถุนายน 62 หรือ ลงทะเบียนเยี่ยมชมโครงการ เพื่อรับสิทธิพิเศษในงานก่อนใคร ได้ที่ https://register.scasset.com/Register/GBBPR5/registerForm61_GBBPR5.asp
Line : @gbb-pr5 (http://bit.ly/2FjYjLL)
เบอร์โทร 02-409-1588 , 092-246-3939
สำนักงานขายเปิดทุกวัน เวลาทำการ 9.00-18.00 น.
Grand Bangkok Boulevard Ratchaphruek-Rama-5