Back to home
Artist, SPOTLIGHT

MIND ESSENCE ร่องรอยการรับรู้

จับจังหวะ ประทับร่องรอยแห่งห้วงความรู้สึก… เฉียบพลัน รวดเร็ว อันพร้อมแปรเปลี่ยนในทุกวินาที ปาดป้ายรูปร่างจากหมึกดำ.ลงบนพื้นที่ว่างขาวสะอาด ในห้วงหนึ่งอาจไหววูบ หากแต่อีกอึดใจกลับสงบ เยือกเย็นเปลี่ยนผันไปตามขณะจิต… จับ จุ่ม ป้าย ณ ขณะหนึ่งของอารมณ์ ผลงานนามธรรมในแบบเฉพาะตัวของ “มหานิยม (มหาฯ) – เกรียงไกร แสงทอง”

การเริ่มต้นค้นหาแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริงส่งผลให้สไตล์ และเนื้อหาในงานศิลปะของ “มหานิยม” เปลี่ยนไปจาก Pure Realistic เป็น Abstract ด้วยคอนเซ็ปต์ที่พูดถึง “ความรู้สึก ณ ขณะนั้น” ผ่านการประทับหมึกภาพพิมพ์สีดำ ด้วยดินน้ำมันที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ‘เกือบจะทันที’ ในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบันทึกร่องรอยแห่งการรับรู้กับธรรมชาติภายในจิตใจของตน

“การยึดติดอยู่กับความเหมือนจริง และความสมบูรณ์แบบของงาน Realistic มันค่อนข้างจำกัดการพัฒนาผลงานของผมมาก เลยค่อยๆ ลดทอนรูปทรง นำลวดลายเทคนิคมาใส่เข้าไป แล้วปรับเปลี่ยนวิธีการสร้างรูปคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประทับปั๊ม ทำแม่พิมพ์ แกะยางลบก็มี จึงลองเปลี่ยนการ Drawing เปลี่ยนจากงานขาวดำ เป็นสีสันต่างๆ ฉูดฉาดบ้าง ไม่ฉูดฉาดบ้าง เพื่อประกอบรูปคนขึ้นมาด้วยวิธีการใหม่แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ และรู้สึกว่าความอิสระในการแสดงออกยังไปไม่ถึงที่สุด

เพราะผมเกร็งไปกับรูปคน และความสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นเลยลองลดฟอร์มของความเป็นคนลง ค่อยๆ ปลดล็อกตัวเองไปจนท้ายที่สุดได้คำตอบว่ารูปทรงไม่จำเป็นกับเราอีกต่อไปแล้ว จึงนำ Symbolic ที่ตัดทอนลงมารวมกัน โดยไม่มีรูปทรงใหญ่เกาะ ให้คนดูแกะรอยไปตามสัญลักษณ์ที่ผมฝากไว้ทีล่ะนิด เหมือนจารึกหรือภาพอักษรอียิปต์” คุณมหาฯ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสไตล์งานจากขั้วหนึ่งมาสู่อีกขั้วหนึ่ง

แม้ว่าดินน้ำมันจะตอบสนองต่อการสื่อสารผ่านงานศิลปะในระดับหนึ่งแล้วแต่บางครั้งก็ยังไม่ทันเท่าที่ใจของคุณมหาฯ ต้องการ จึงใช้ร่างกายของตนเองสร้างผลงานภาพพิมพ์ขึ้นมา เพื่อให้ผลงานตอบสนองได้ทันต่อความรู้สึกในเวลานั้น คุณมหาฯ อธิบายถึงการเลือกใช้หมึกภาพพิมพ์ และพื้นผิวของกระดาษอาร์ตมันในการสร้างสรรค์ผลงานว่า “เคยลองสร้างงานบนพื้นผิวอื่นทั้งกระดาษ และผ้าใบแต่การมองเห็นไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ และเหตุผลที่ผมประทับมือ แขน หรือ ดินน้ำมันลงบนหมึกภาพพิมพ์ หมึกชนิดนี้ไได้เก็บรอยนิ้วมือของเราได้ละเอียด ซึ่งถ้าเลือกใช้พื้นผิวอื่นที่ไม่ใช่กระดาษผิวเรียบ และมัน texture ของพื้นผิวจะรบกวนการมองเห็น ด้วยรูปทรงที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อประกอบกับ ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ (ผัสสะทางตา) ทำให้เกิดความหมายที่ซ่อนอยู่ หากไม่มีรายละเอียดพวกนี้งานที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นแค่รูปร่างขาวกับดำ”

นอกจากงานเซ็ตแรกๆ ที่เน้นการจับจังหวะของอารมณ์ความรู้สึกแล้ว งานเซ็ตต่อมาได้พัฒนาผลงานที่เกิดจากความสมมาตรของสมองที่ทำงานคู่กัน โดยใช้ร่างกาย 2 ฝั่งซ้าย – ขวาทำงานพร้อมกัน จนเกิดเป็นรูปร่างที่สมมาตร “ส่วนหนึ่งก็เป็นการตอบสนอง และกระตุ้นอะไรบ้างอย่างในเชิงจิตวิทยา รวมถึงตัวเราเองด้วย ซึ่งความสมมาตรทำให้เกิดความคอนทราสระหว่างขาวกับดำชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลรุนแรงในเรื่องของพื้นที่ว่างที่เป็นสีขาวกับรูปทรงที่เป็นสีดำ ซึ่งกระตุ้นจินตนาการของทั้งเราและคนดู” คุณมหาฯ อธิบายถึงการเลือกใช้ความสมมาตรในการพัฒนาชิ้นงาน

หากจะนิยามถึงผลงานของคุณมหาฯ “ศิลปะของคนที่เอาแต่ใจ” คงเป็นนิยามสั้นๆ ที่น่าจะตรงตัวมากที่สุด “ถึงแม้ว่าภายนอกผมจะดูเป็นคนที่มั่นคง แต่ความจริงผมเป็นคนที่มีความเอาแต่ใจ จิตใจเปลี่ยนแปลงเร็ว ถ้าจะพูดว่าเป็นผลงานของคนเอาแต่ใจก็ได้นะครับ” คุณมหาฯ พูดถึงบุคลิกของตัวเอง

คุณมหาฯ พูดทิ้งท้ายเกี่ยวกับงานศิลปะในสไตล์ของตนเองว่า “การทำงานศิลปะก็เหมือนการเรียนรู้กับจิตใจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มันกระโดดวูบวาบไปอย่างที่แสดงออกมาในผลงาน ผมเลยรู้สึกว่าอย่าไปยึดติด ปล่อยให้มันเป็นไป เรียนรู้มันไปดีกว่า อีกอย่างหนึ่งเทคนิคที่ผมทำ ใครๆ ก็ทำได้ ไม่ยากเลย แต่พอทำออกมามันอาจจะไม่เหมือนแบบนี้ อาจจะเป็นอีก Feeling หนึ่ง เป็น Movement ในแบบที่แต่ละคนเป็น งานแบบนี้ค่อนข้างให้อิสระกับคนทำนะ… ผมเชื่ออย่างนั้น”

 

Story อัญชิสา พ่วงทรัพย์

Photographer กานติพัทธ์ ช่างเรือ

Artist เกรียงไกร แสงทอง


 

Facebook Comments
By Oom, 05/07/2018
Leave a Reply
Change language:
Instagram API currently not available.
Instagram API currently not available.