การจัด “สวนแนวตั้ง” Green Wall หรือ Vertical Garden ถือเป็นการจัดสวนรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และขนาดพื้นที่ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้สวนแนวตั้งที่ถูกคิดค้นโดย Stanley Hart White อาจารย์ด้านภูมิสถาปัตยกรรมชาวอเมริกันตั้งแต่ปี 1938 และนำมาต่อยอดโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส นาม Patrick Blanc กระทั่งแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะสวนแนวตั้งสามารถรองรับ และเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีอยู่จำกัดนั่นเอง
โดยทั่วไปการจัดสวนแนวตั้ง มี 2 ระบบด้วยกันได้แก่ ระบบแผง (Panel System) และ ระบบ กระถาง (Pot System) ซึ่งในแต่ละระบบนั้น ก็จะมีความโดดเด่นต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่มีอย่างจำกัดเป็นสำคัญ หากเจ้าของบ้านเลือกรูปแบบตามความเหมาะสมได้แล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ เรื่องของแสงแดด และการให้น้ำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการยืดความงดงามอย่างสมดุลให้สวนแนวตั้งได้เป็นอย่างดี เพราะหากปล่อยให้ได้รับแสงมากจนเกินไปก็อาจทำให้มีความชุ่มชื้นไม่มากพอจะเลี้ยงดูพันธุ์ไม้ หรือหากระบบการให้น้ำมากไป ก็อาจทำให้รากต้นไม้เน่า และตายได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อความชุ่มชื้นที่สม่ำเสมอ ควรติดตั้งระบบให้น้ำอัตโนมัติ แทนการรดน้ำด้วยมือดีที่สุด
สำหรับเกณฑ์ในการเลือกพันธุ์ไม้สำหรับจัดสวนแนวตั้งภายนอกตัวอาคาร มีดังนี้ ต้องเป็นต้นไม้เล็กๆ ที่เลี้ยงง่าย สามารถเกาะเกี่ยวตามกิ่ง หรือขอนไม้ได้ ที่ทนสภาพอากาศ แดด ฝน ลมแรงได้ดี เช่น ชวนชม แพงพวย แพรเซี่ยงไฮ้ สร้อยไก่ บลูฮาวาย ส่วนเทคนิคในการเลือกพันธุ์ไม้ในการจัดสวนแนวตั้งภายในอาคาร สิ่งแรกคือต้องเลือกไม้ในร่มที่ต้องการแสงค่อนข้างน้อย อาทิ ฟิโลก้ามกุ้ง เคราฤษี พลูตระกูลต่างๆ เงินไหลมา หรือซิงโกเนียม ทองไหลมา เฟิร์น พรมกำมะหยี่ สับปะรดสี ผีเสื้อราตรี
แค่เปิดใจยอมรับ ต่อให้พื้นที่ที่มีน้อยแค่ไหน คุณก็สามารถเป็นเจ้าของสวนสีเขียวได้
3 Advantages of vertical gardening
1. ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ผนังบ้าน
2. ช่วยดักจับฝุ่นละออง และมลพิษ
3. ช่วยทำให้บ้านดูสวยงาม และน่าอยู่มากขึ้น
Story โชคชัย บุญส่ง
Photographers อรรถพงศ์ สมวงค์
