ว่ากันว่าเมื่อตกอยู่ในภวังค์ของความรัก แม้เสียงกระซิบในความคิดของเขาหรือเธอคนนั้น กลับสามารถดังก้องชัดเจอยู่ในใจเรา ไม่ต่างกับกับเวลาที่ได้ลิ้มรสอาหารที่ถูกปาก แม้เพียงคำเดียว แต่รสชาติยังคงติดตรึง ยากที่จะลืมเลือน
ก้าวข้ามกรอบแบบเดิมๆ ของร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราคุ้นตา เพราะที่นี่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Fusion ท่ามกลางบรรยากาศแบบจีนที่ผสมกลิ่นอายตะวันตก โดยแรงบันดาลใจในการตกแต่งภายในเหมือนจำลองฉากของฮ่องกง ยุค 60s จากภาพยนตร์เรื่องโปรดของเจ้าของร้านอย่าง In the mood for love อีกหนึ่งผลงาน Masterpiece ของ หว่องกา ไว (Wong Kar-wai) ที่เล่าถึงเรื่องราวของคนสองคน บนความสัมพันธ์ในห้วงอารมณ์ของความรักที่ท้าทายจารีตของสังคม ซึ่งท้ายที่สุด เขาทั้งสอง ต้องเลือกระหว่างการเดินหน้าต่อไปด้วยกัน แม้จะต้องก้าวข้ามคำว่าศีลธรรม หรือเลือกที่จะถอยหลังกลับเพื่อไม่ทำให้กรอบของจารีตเกิดรอยร้าว แต่นั่นหมายถึงเส้นทางของทั้งคู่ ที่อาจจะต้องแยกจากกันไปตลอดกาล โดยเหลือไว้แค่เพียงความทรงจำให้โหยหา
สีน้ำเงิน แดง และเหลือง ใช้เป็นโทนสีหลักภายในร้าน ซึ่งทั้งสามสีต่างเป็นแม่สีหลักของวงจรสีทั้งหมด จึงมีพลัง ขับอารมณ์โรแมนติกที่รุนแรง สีน้ำเงินที่ลุ่มลึก สีแดงแทนความโหยหา และสีเหลืองหมายถึงความสุข ในบรรยากาศร้านที่ดีไซน์แสงไฟให้สลัว เพื่อสื่อถึงอารมณ์ว้าเหว่ เปลี่ยวเหงา และสับสนของความรักที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของทั้งสองคน ที่ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ที่ผลิบานในเงามืด ไม่สามารถมองเห็นได้ในแสงสว่าง ความสวยงามที่เกิดขึ้น รับรู้ได้เพียงในความรู้สึกของกันและกันเท่านั้น
ทางร้านแบ่งพื้นที่เป็นสามส่วนหลักๆ ได้แก่บริเวณ Sushi Bar สำหรับให้เชฟเป็นผู้เลือกเมนูจัดเสิร์ฟให้เราแบบ Omakase ซึ่งเราจะได้เห็น เห็นขั้นตอนการสร้างสรรค์เมนูของเชฟ ก่อนที่จะละเลียดอาหารที่อยู่ตรงหน้าทุกคำ ส่วนที่สองเป็นการสั่งอาหารแบบ A La Carte หรือทำตาม Order ในส่วนนี้ ที่นั่งจะเป็นโต๊ะที่เป็นรูปทรงวงกลม เหมาะสำหรับแบบกลุ่ม หรือนั่งแบบเป็นคู่รัก ก็ช่วยเพิ่มพื้นที่ความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี สุดท้ายแบบ Outdoor สำหรับใครที่อยากนั่งสัมผัสอากาศธรรมชาติบนดาดฟ้าบริเวณชั้นสอง
เราสามารถพบภาพของหญิงสาวสวมชุดกี่เพ้าในอิริยาบถต่างๆ วางคู่กับดอกโบตั๋น ถูกประดับอยู่ทั่วทุกมุมร้าน เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนไหว และบอบบางที่เคลือบเปลือกภายนอกไว้ด้วยความสวยงามแบบอุดมคติ และยังมีโคมไฟรูปทรงกรงนกและโคมสีแดง แขวนลดหลั่นระดับไปมาตั้งแต่ชั้นสองถึงชั้นหนึ่ง บริเวณพื้นที่ใจกลางร้านที่ดีไซน์แบบ Double Space ให้ Mood & Tone ทั้งร้านเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผนังกระจกบนชั้นสอง ออกแบบมาให้เหมือนมีกระจกแผ่นเล็กๆ นับร้อยมาเรียงต่อกัน การสะท้อนของกระจกแต่ละแผ่น สะท้อนโคมสีแดงไปมา ทำให้ภาพที่เราเห็นในกระจกเหล่านั้นดูสวยงาม แปลกตา แต่ไม่ใช่ความจริง เหมือนความปรารถนาที่ไม่อาจจับต้องได้ ส่วนผนังอีกฝั่งเป็นไม้ โดยทางเจ้าของร้านต้องการเพิ่มบรรยากาศที่อบอุ่น โดยดีไซน์ให้เป็นตู้ลิ้นชักจีน เพื่อจะให้สอดคล้องกับเรื่องราวของร้าน
แสงไฟ บรรยากาศ และอาหารชั้นดีชวนเราดื่มด่ำ ราวกับเวลาภายในร้านดูเหมือนจะไหลไปอย่างเอื่อยๆ และค่อยๆ ดำดิ่งสู่ห้วงความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้น หรือความรักในอดีตที่ถูกจองจำไว้ในความทรงจำก็ตาม
Story : ธนภัทร อีสา
Photographer : กานติพัทธ์ ช่างเรือ
Place : In the mood for love Sushi bar & Bistro