“ความสุขในการใช้ชีวิต เป็นดั่งแรงบันดาลใจที่มาเติมความฝันของเราให้ลุกโซนขึ้น ลองมองย้อนกลับไปดูการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเรากระทั้งคนรอบข้าง มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องราวกลายเป็นบทเรียนสอนใจ แม้แต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นก็ทำให้การดำเนินชีวิตเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข”
เช่นเดียวกับคุณอาร์ท นิธิศ ชัยจรูญรัตน์ เซเลบริตี้หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 28 ปี ดีกรีนักเรียนนอกด้านการบริหารจากประเทศอังกฤษ ทายาทคนกลางของคุณสมชัย ชัยจรูญรัตน์ เจ้าของอาณาจักรจรูญรัตน์ เอ็นจิเนียริ่ง ในฐานะบริษัทผู้นำแห่งวงการผลิตระบบเคลือบสีอุตสาหกรรมของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมจรูญรัตน์ รวมถึงธุรกิจในเครืออีกมากมายที่น่าจับตามอง ถึงแม้ว่าครอบครัวจะปลูกต้นไม้สร้างร่มเงาเอาไว้แล้วก็ตาม แต่เขากลับเลือกที่จะเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ด้วยตนเองอีกครั้ง ด้วยเพราะถูกหล่อหลอมจากคุณพ่อซึ่งเปรียบเสมือนไอดอลที่สร้างตัวเองจากศูนย์มาเช่นกัน ด้วยความเชื่อว่าเราต้องเดินก้าวขึ้นไปด้วยตัวเองเรื่อยๆ บางวันอาจก้าวสั้น บางวันอาจก้าวยาว แต่เพื่อให้ก้าวต่อไปในอนาคตเป็นไปอย่างรอบคอบและมั่นคง
ผมเป็นคนที่ไม่จมกับสิ่งที่ไม่ตรงไปตามแผน แต่จะคิดอยู่เสมอหากทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
หลังจากที่กลับมาเมืองไทย ชายหนุ่มก็ได้มีโอกาสได้คิดสร้างสิ่งต่างๆ ที่ถือว่าเป็นการลองผิดลองถูกด้วยการไปเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน จากนั้นก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทหนึ่งที่เทรนนิ่งเกี่ยวกับเรื่องของภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพอยู่ประมาณ 4 เดือน จนเขารู้สึกว่าชื่นชอบงานในลักษณะดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจบินกลับไปประเทศอังกฤษเพื่อศึกษาต่ออย่างจริงจังในด้าน Professionally Certified As Image Consultant และยังเป็นประสบการณ์อันดีที่เขาได้เรียนรู้กับผู้ที่ให้คำปรึกษาให้กับเจ้าชายแฮร์รี่อีกด้วย โดยหลังจากบินกลับมาก็ได้ก่อตั้งบริษัท เอ พลัส อิมเมจ (A+ Image) ให้บริการที่ปรึกษาในการปรับภาพลักษณ์และบุคลิกภาพส่วนบุคคล หลังจากบริหารได้ 2 ปีกว่า คุณอาร์ทก็ได้กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัวตามที่ได้ให้สัญญากับคุณพ่อ ด้วยหน้าที่หลักของชายหนุ่มที่ดูแล Property Business ในส่วนของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเครือ ด้วยวิธีคิดการบริหารที่เน้นความทัดเทียม ไม่เอาเปรียบ มีความจริงใจ
นอกเหนือจากงานบริหาร คุณอาร์ทก็กำลังจะมีโปรเจคสร้างคอนโด ที่เขาตั้งใจบริหารด้วยรายละเอียด ชายหนุ่มเล่าว่า “เนื่องจากผมเป็นคนชื่นชอบการแต่งบ้าน จึงค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องของรายละเอียดมองลึกถึงดีเทล อย่างเช่นกระเบื้องในห้องน้ำ หากปูออกมาแล้วเส้นสายไม่ตรง ผมจะสั่งรื้อและปูใหม่ทันที ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ออกมาดีได้ เพียงแค่เราจะทำหรือเปล่า ยกตัวอย่างเมื่อครั้นผมเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นผมสังเกตเห็นงานดีไซน์ห้องน้ำ การวางกระเบื้อง การจัดการ รวมไปถึงเรื่องของเส้นสาย ดีเทลทุกอย่างออกมาเป๊ะมาก หากคอนโดเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แนวคิดเหล่านี้ผมก็จะนำมาสานต่อให้อยู่ในโปรเจคด้วย เพราะผมเชื่อว่าทุกคนต้องอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ”
“ผมเป็นคนมีกรอบ แต่สิ่งที่ทำให้ผมหลุดจากกรอบคือการอ่านหนังสือ ผมจะชอบอ่านหนังสือแนว Business และแนว Psychology ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตัวเองทั้งหมด การอ่านบางอย่างก็เป็นการรี-คอนเฟิร์ม ถึงแนวคิดของผมว่าโอเค บางอย่างที่เป็นเหมือนแรงกระตุ้น เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมพัฒนาตัวเองและต่อยอดไปถึงเนื้องาน ซึ่ง Code ประจำตัวผมที่คิดเตือนตัวเองอยู่ตลอด ก็คือลงมือทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าต้องทำ เพราะหากทำไปแล้วถึงแม้ผลมันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราก็ไม่รู้สึกผิดหวังเพราะได้ลงมือทำแล้ว เพราะผมเป็นคนที่ไม่จมกับสิ่งที่ไม่ตรงไปตามแผน แต่จะคิดอยู่เสมอหากทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ และอีกหนึ่งแรงบันดาลสำคัญของผมคือการใช้ชีวิตให้สบายที่สุด มองอุปสรรคให้เป็นแค่ส่วนเกิน เมื่อผมสบายผมก็จะเกิดความสุข ผลลัพธ์ที่ออกมาคือความราบรื่น กระทั้งการทำงานก็ออกมาดีเต็มไปด้วยสิ่งสร้างสรรค์”
แม้หนุ่มหล่อจะบอกกับผู้เขียนว่าเขาเองแม้จะดูมีเพื่อนฝูงเยอะ แต่กลับมีโลกส่วนตัวที่ค่อนข้างสูง แต่นั้นกลับเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ขยายพื้นที่โลกของตัวเอง เพราะเป็นที่ได้อยู่กับตัวเอง คิดทบทวนในสิ่งที่ผิดพลาดเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป และประโยคหนึ่งที่เราได้ยินบ่อยมากในบทสนทนาคือ “ความสุข” ที่เข้ามาสร้างแรงใจ ไม่ว่าจะเป็นความรักความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว ความสุขความพอใจในการทำงานแต่ละวัน หรือแม้แต่การสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ กระทั้งการกลับมาอยู่กับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเองก็ตาม เหล่านี้ล้วนกระตุ้นความสุขในหัวใจของเขาให้พองโตอยู่ตลอดเวลา
Story : ศิวนาถ เสนาประทุม
Photographer : กรวิชญ์ ศิริวิวัฒน์
Asst.Photographer : สกลวัฒน์ แซ่ลี้