คนไทยเราจะคุ้นเคยกันดีกับ ‘ไม้’ วัสดุสำหรับสร้างบ้าน และอยู่คู่กับสถาปัตยกรรมไทยมาตั้งแต่อดีต ทั้งเรือนไทยโบราณ เรือนไทยประยุกต์ ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่ค่อยได้อาคารทรงไทยเหล่านั้นเท่าไรนัก แต่ไม้ยังคงยืนอยู่คู่กับงานดีไซน์สมัยใหม่ด้วยไอเดียของสถาปนิก มัณฑนากร นักออกแบบ รวมถึงช่างไม้ที่ไม่ได้ให้คำจัดความของงานไม้ไว้เพียงแค่วัตถุหนึ่งชิ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างงานไม้ให้เป็นความยั่งยืนอย่างแท้จริง
เพราะไม้มาจากต้นไม้ การใช้ไม้ในงานออกแบบบ้านจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ใช้ทุกส่วนให้คุ้มกับต้นไม้ที่เสียไป รวมถึงการเลือกใช้ไม้จากป่าปลูกทดแทน อย่างในแถบสแกนดิเนเวีย ทวีปยุโรป ซึ่งมีการปลูกป่าเพื่อจำหน่ายไม้อย่างถูกต้อง รวมถึงเหล่าดีไซเนอร์สมัยใหม่ต่างก็ใส่ไอเดียในงานออกแบบไม้เพื่อโลกที่ยั่งยืนคือนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งไม้เก่าที่ถูกรื้อทิ้ง หรือการพยายามรักษาคุณภาพของไม้ในปัจจุบันให้อยู่ยาวนาน
กรมป่าไม้ได้แบ่งชนิดของเนื้อไม้ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง โดยแบ่งตามลักษณะทางชีวภาพอย่างความเหนียวแน่นของเนื้อและรูปทรงของใบ สำหรับไม้ในงานตกแต่งบ้านแบ่งเป็น 3 ประเภทคือไม้เนื้อแข็ง นิยมใช้ในงานโครงสร้าง ปูพื้น กรุผนัง ไม้เนื้อแข็งปานกลางใช้ทำประตูหน้าต่าง ทำโครงคร่าว ปูพื้น ส่วนไม้เนื้ออ่อนเหมาะสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์หรือตกแต่งส่วนอื่นๆ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม้ เป็นวัสดุที่ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้น และมันเป็นความอบอุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันดี การใช้ไม้เพื่องานตกแต่งบ้านในเมืองไทยจึงมีความหลากหลาย ทั้งภายในและภายนอกที่ไม่ได้สื่อแค่ความสวยงามเท่านั้นแต่ไม้ยังใช้เป็นวัสดุแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยอีกด้วย ซึ่งคอลัมน์ Ideas for Home ฉบับนี้ผู้เขียนรวบรวมไอเดียการใช้ไม้เพื่องานตกแต่งบ้านทั้งภายในและภายนอกมาฝากกัน พร้อมข้อควรคำนึงต่างๆ มีอะไรบ้างนั้นพลิกหน้าต่อไปเลยค่ะ
EXTERIOR
บ้านไม้คงเป็นที่คุ้นตากันดี อย่างผนังไม้แป้นเกล็ด ไม้ฝาปะกนในเรือนไทย รวมไปถึงการตกแต่งในส่วนต่างๆ อย่างฉลุเชิงชาย ปั้นลม ประตู หน้าต่าง แต่สำหรับบ้านไม้สมัยใหม่ การใช้ไม้ตกแต่งได้เปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นส่วนของโครงสร้างเพียงอย่างเดียวแต่กลายเป็นวัสดุสำหรับตกแต่งเพื่อความสวยงามด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรุผนัง สร้างเป็น Façade กรุผนังส่วนของ Taper Facade ทำเป็นผนังระแนงบังตา ปูพื้นระเบียง กรุฝ้าเชิงชาย และมุงหลังคาในบางดีไซน์อย่างไม้ซีดาร์
ไม้สำหรับใช้ในส่วนนอกบ้านจึงมีความต่างตามการใช้งาน และส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้เนื้อแข็งที่สามารถทนกับสภาพอากาศของเมืองไทยได้นาน อาทิ ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้สัก ไม้แดง ไม้รัง ไม้ตะเคียนทอง ไม้ตะแบก เป็นต้น โดยพิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่อย่างพื้นที่ภาคอีสานเป็นป่าเบญจพรรณเสียส่วนใหญ่ ไม้สำหรับตกแต่งบ้านจึงมักจะเป็นไม้จากป่าเบญจพรรณ เช่นเดียวกับภาคใต้ที่มีไม้ยางพาราเป็นไม้ประจำท้องถิ่น
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกไม้สำหรับตกแต่งนอกบ้านคือการดูแลรักษาและการป้องกันศัตรูจากธรรมชาติ อย่างแรกคือลมฟ้าอากาศซึ่งเมืองไทยเป็นเขตร้อนชื้น แดดแรงฝนตกชุก การป้องกันแดดเริ่มที่ควรเลือกเป็นไม้ที่ผ่านการอบแห้งหรือผึ่งแดดอย่างน้อง 6 เดือน เพื่อป้องการบิดบวมงอ และอัดสีป้องกันแสงยูวีพร้อมเคลือบสีให้ไม้ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อรักษาเนื้อไม้ให้สวยทนนาน
อีกสิ่งสำคัญคือแมลง โดยเฉพาะปลวก ศัตรูตัวฉกาจของไม้ทุกชนิด ปลวกที่เป็นอันตรายที่สุดคือปลวกดิน ฉะนั้นขั้นตอนของการป้องกันคือฉีดน้ำยาป้องกันปลวกในที่ดินรอบๆ บ้าน ตั้งแต่เนิ่นๆ และอัดน้ำยากันปลวกที่เนื้อไม้ก่อนนำไปใช้งานเสมอ แต่แมลงตัวร้ายไม่ได้มีแค่ปลวกเท่านั้น ยังมีมอด ด้วง และเพรียง รวมถึงเชื้อราที่จะทำให้ไม้หมดสวยและผุพัง
INTERIOR
การใช้ไม้ตกแต่งภายในบ้านจัดเป็นเรื่องสนุกอีกเรื่องที่เหล่ามัณฑนากรยกนิ้วให้ เริ่มจากการให้ความสำคัญกับชนิดของไม้ที่สอดคล้องไปกับสไตล์ที่จะทำให้ภาพและความรู้สึกของห้องแต่ละห้องแตกต่างกัน การเลือกใช้เฉพาะจุดผสมกับวัสดุอื่นๆที่หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน และยังมีการออกแบบให้เข้าสไตล์ของบ้านเริ่มตั้งแต่ ลอฟต์ อินดัสเทรียล มินิมอล โมเดิร์น วินเทจ คันทรี เรียกได้ว่าทุกสามารถอยู่ร่วมกับทุกสไตล์การตกแต่งและครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั้ง พื้น ผนัง เพดาน
พื้น (Floor) พื้นไม้ที่เราคุ้นเคยและได้ยินชื่อบ่อยๆคงหนีไม่พ้นไม้ “ปาร์เก้” ซึ่งมีหลายขนาดและปูพื้นได้หลากหลายรูปแบบ ไม้ปาร์เก้เป็นไม้เหลือใช้จึงมีขนาดเล็ก รวมถึงโทนสีที่เกิดจากชนิดของไม้ที่แตกต่างกันด้วย ส่วนไม้ปูพื้นอีกประเภทคือไม้ฟลอริ่ง (Flooring) ลักษณะจะเป็นไม้แผ่นปูเรียงยาวสวยงามเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน สิ่งที่เป็นข้อคำนึงของการปูพื้นไม้คือระยะห่างจากพื้นดินซึ่งดินจะคลายความชื้นออกมาทำให้เสี่ยงต่อการบิดงอ รวมถึงปัญหาปลวกซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ด้วย
ผนัง (wall) ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผนังไม้ เป็นอีกลูกเล่นสำคัญที่ทำให้แต่ละห้องดูสวยงามขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกรุตกแต่งเต็มผนังหรือกรุเฉพาะจุด สร้างลูกเล่นในแบบเฉพาะที่จะทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอบอุ่นขึ้น ไม้สำหรับกรุผนังนิยมใช้ชนิดที่มีน้ำหนักเบาเพื่อลดแรงยึดกับผนัง อย่างไม้อัดMDF ไม้อัดOSB ไม้ยางพารา ก่อนปิดผิวด้วยวีเนียร์ ลามิเนต หรือพ่นสีให้เกิดความสวยงามตามใจชอบ
ฝ้าเพดาน (Ceiling) ลูกเล่นในส่วนของฝ้าเพดานก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ไม้ตกแต่ง นิยมสร้างให้เกิดจุดสนใจควบคู่กับการจัดแสงภายในห้อง ทั้งแชนเดอเลียร์ โคมไฟห้อยและหลอดไฟ ซึ่งไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น
ไม้ตกแต่งฝ้ายังทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการระบายความร้อนออกจากหลังคา อย่างฝ้าเชิงชาย เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้บ้านเย็นขึ้นด้วย
เฟอร์นิเจอร์ (Furniture) สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้สมัยใหม่นั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ที่ฮิตติดลมบนก็คือไม้โอ๊ค ไม้แอซ ไม้สน ไม้ยางพารา ไม้มะม่วง ซึ่งมีโทนสีนุ่มนวลตา ให้รู้สึกเบาสบายแก่ห้อง การใช้ไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์จะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีความยืดหยุ่นสูง ง่ายต่อการบิดรูปไปตามทรงที่ดีไซน์และมีน้ำหนักเบามากกว่าไม้เนื้อแข็ง