“ในวัยเด็กหลายคนมักจะมีของเล่นที่ชอบและอยากได้ ผ่านลวงเลยวัยของเล่นบางชิ้นถูกหลงลืมว่าเคยมีอยู่ แต่สำหรับบางคนของเล่นบางชิ้นกลับมีคุณค่าในความทรงจำ ยิ่งของชิ้นไหนซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเองด้วยแล้ว แน่นอนว่าเจ้าของจะต้องมีความผูกพันและความหวงแหนเป็นธรรมดา แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็นคุณค่าของเจ้าของเล่นที่มีอยู่ มากกว่าแค่การหยิบขึ้นมาเล่น และวางมันลงเมื่อรู้สึกเบื่อ”
คุณจีฟ พงศธร ธรรมวัฒนะ หนุ่มหล่อหน้าใสทายาทตระกูลดัง แขกคนพิเศษในคอลัมน์Life corner ฉบับนี้ สำหรับเขาของเล่นกลับไม่ใช่เพียงแค่สิ่งของที่เอาไว้เล่นสนุกๆ เท่านั้น เพราะแต่ละชิ้นล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงและเงินเก็บส่วนตัวของเขาทั้งสิ้น แม้ว่าชายหนุ่มจะเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาลก็ตามแต่ด้วยถูกบ่มเพาะจากคุณแม่ให้รู้จักเก็บเงินเองหากอยากซื้อสิ่งที่อยากได้ ฉะนั้นทุกชิ้นจึงล้วนมีเรื่องราวและความผูกพัน ชิ้นแรกเริ่มจากยอดมนุษย์ 5 สีซูเปอร์เซนไท ตัวการ์ตูนที่หนุ่มจีฟชื่นชอบเป็นพิเศษ ก่อนจะตามมาอีกหลายตัวทั้งหุ่นยนต์ ฟิกเกอร์ โมเดล บางชิ้นมีเพียงตัวเดียวเดียวในโลก บางชิ้นนอกจากจะมีคุณค่าทางความรู้สึกแล้วเมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าก็สูงขึ้นด้วย เขาเริ่มเก็บสะสมมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันของเล่นเหล่านั้นมีมากกว่าหนึ่งแสนชิ้น บวกกับที่ไปเจอของเล่นที่คุณพ่อ(คุณเทอดชัย ธรรมวัฒนะ) เก็บไว้ตั้งแต่รุ่นของเขาและทุกชิ้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี นั้นจึงเปรียบเสมือนตัวแทนความผูกพันที่เขาได้รับจากคุณพ่อ สิ่งนั้นทำให้หนุ่มจีฟเริ่มคิดจะสานต่อในเรื่องของเล่นและนำมาต่อยอดทางธุรกิจ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับผลัดจับพลูก้าวเข้าสู่ธุรกิจดีไซเนอร์ทอยส์อย่างเต็มตัวนั้น เริ่มมาจากครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปเรียนภาษาต่อที่ประเทศจีน บังเอิญช่วงนั้นมีงานจัดแสดงของเล่น นั้นก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำให้หนุ่มจีฟได้รู้จักดีไซเนอร์ทอยส์ชื่อดัง อย่างแอชรี่ วูด และคิม พัง วอน นั้นก็เป็นเหมือนการจุดประกายความคิดให้เขาอยากสร้างธุรกิจของเล่นเป็นของตัวเอง และดีไซเนอร์ทั้งสองก็ได้หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เป็น ผู้เดียวในประเทศด้วยเห็นถึงความตั้งใจจริง และการทำธุรกิจของเขาในครั้งนั้นกลับไม่ต้องเซ็นสัญญา เพราะทางดีไซเนอร์บอกว่าสัญญาใดๆ ก็ไม่มีความจำเป็นเพราะสัญญาใจสำคัญกว่าทุกสิ่ง นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ JP TOYS
ปัจจุบันชายหนุ่มเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนร้าน Play House ร้านของเล่นที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Best Toy Of The World ซึ่งเป็นร้านเดียวในเอเชีย และภายในร้านยังนำเข้าสินค้า Top 10 แบรนด์ดังในโลกที่เขาได้เพียงคนเดียวในโลก ทั้งนี้หนุ่มหน้าใสยังเป็นตัวตั้งตัวตีและอยู่เบื้องหลังการจัดงานแสดงของ เล่นของสะสมนานาชาติมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วภายใต้ชื่อ “Thailand Toy Expo ทำให้คนไทยได้รู้จักคำว่าดีไซเนอร์ทอยอย่างจริงจัง พร้อมทั้งได้จัดงาน Thai Zone งานที่เปิดพื้นที่ให้คนไทยที่มีความสามารถได้โชว์ตัวตนออกสู่สายตาชาวต่างชาติ ซึ่งหน่มจีฟก็ได้ผลักดันคนไทยกลุ่มนั้นอย่างเต็มที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ปัจจุบันคนไทยเก่งๆ เหล่านั้น ก็ได้ไปปั้นงานให้ต่างประเทศ ทั้งซี่รี่ย์ The Walking Dead และสารพัดตัวการ์ตูนอีกมากมาย
“สำหรับงาน Thailand Toy Expo 2016 ที่จะจัดขึ้นกลางปีนี้ผมต้องการเปิดกว้างโดยไม่ต้องการให้คนที่เล่นของเล่น อย่างเดียวได้สัมผัส แต่ผมต้องการให้ผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์การเล่นของเล่นได้กลับมาเห็นอีกครั้ง แม้กระทั่งกลุ่มคนที่ไม่ได้เล่นของเล่นก็ตาม นี่คือเป้าหมายที่เราคิดเพื่อลบคำดูถูกจากญาติพี่น้องและคนรอบข้าง หรือกระทั่งหลายคนที่คิดว่าผมขายของเล่นปัญญาอ่อน หลังจากผมก็ได้ปรึกษากับพี่สาวก่อนที่จะเปิด Play House Store แห่งนี้ขึ้นมา เพราะต้องการเปิดพื้นที่ให้คนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กันได้เข้ามาดู เข้ามาพูดคุย หรือแลกเปลี่ยน เสมือนเป็นบ้านแห่งความสุขหลังเล็กๆ และก็เป็นอีกเช่นครั้งที่ไม่มีใครอยากให้สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นเพราะการลงทุนที่สูง ผมก็เลยยกตัวอย่างงาน Thailand Toy Expo ขึ้นมางานนั้นก็ไม่เห็นมีใครซัพพอร์ตเหมือนกัน ผมถามผู้ใหญ่ 10 ท่าน คนที่ตอบว่าลองทำดูคือคุณแม่คนเดียว ที่เหลือบอกว่าเสี่ยง ฉะนั้นผมจึงตัดสินใจสร้างฝันนี้ขึ้นมาอีกครั้งลองทำ ยังดีเสียกว่าไม่ทำอะไรเลย ซึ่งผมมองว่าชีวิตคือการเรียนรู้หากล้มตอนนี้ก็ยังลุกได้เร็ว เพราะคุณยังมีแรง แต่ถ้าคุณมาล้มตอนแก่มาเสี่ยงทำตอนแก่ โอกาสที่จะลุกขึ้นใหม่ได้อีกครั้งแทบเป็นศูนย์” หนุ่มจีฟเล่าให้เราฟังด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
จัดงานเพื่อคนไทยอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วหลายงาน จนกระทั้งคุณจีฟกลับมาย้อนคิดว่าทำไมไม่ลองสร้างผลงานของตัวเองให้เกิดขึ้นบ้าง และเขาก็ได้ตั้งเป้าหมายกับตัวเองอีกครั้งว่า
เราจะเป็นคนไทยแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่สร้างคาแร็กเตอร์ไทยตีตลาดโลก
หนุ่มจีฟกว่าต่อว่า “ซึ่งวันนี้ผมทำออกมาแล้วคือควายไทย ผมวาดรูปไม่เป็นแต่ผมมีประสบการณ์จากที่เราเล่นของเล่นมาตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่ามันน่าจะทำได้ ก็เลยสร้างคาแร็กเตอร์ใส่ท่าทางคล้ายควายเดินไปพร้อมกับนกเอี้ยงที่เกาะที่เขา มีควายตัวใหญ่และตัวเล็กลักษณะเป็นควายพ่อลูกเดินตามกัน ซึ่งผมได้ทำร่วมกับแบรนด์ต่างประเทศโดยตั้งชื่อบริษัทใหม่ว่า JPX x COARSE ซึ่งหมายถึงจีฟไปเอ็กซ์กับศิลปินทั่วโลก และศิลปินที่เราไปเอ็กซ์ด้วยนั้นคือศิลปินอันดับต้นๆ ของโลกทั้งนั้น ซึ่งได้เปิดจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา และผมก็มีอีกโปรเจคหนึ่งคือมวยไทยผ่านสายตาศิลปินต่างชาติ และไก่ชนที่ต้องรอติดตาม”
ย้อนถามเขาว่าในชีวิตนี้คิดว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เขาตอบกลับทันทีว่าเรื่องประสบความสำเร็จ “ผมว่านี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของผมตอนทำแบรนด์แรกๆ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่สนุก เพราะเราทำเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ผมแค่คิดว่าทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับมัน หากประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ความตื่นเต้นในตัวมันก็จะลดลงจนกระทั้งไม่ รู้สึกอะไรเลยฉะนั้นเราก็ต้องคอยเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา อีกอย่างตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่รอให้โอกาสวิ่งเข้ามา แต่จะสร้างโอกาสให้ตัวเอง เราทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจด้วยใจรัก ไม่โกงใคร ผมคิดว่าทำดีต่อทุกคน ความดีเหล่านั้นก็จะคืนกลับมาหาเรา หากเอาเราเอาเงินเป็นตัวตั้งสิ่งที่หวังก็คงเป็นเพียงแค่กำไร แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำด้วยความสุข ทำให้ทุกคนเกิดรอยยิ้มได้นั้น ปัจจัยเรื่องของเงินก็น่าจะตามมาเอง ซึ่งนั้นก็เป็นผลที่เราแทบไม่คาดคิด”
แม้จะมีใบเบิกทางเป็นนามสกุลดัง มีธุรกิจที่คุณปู่คุณย่าทิ้งไว้มากมาย แต่เขากลับสร้างธุรกิจของตัวเองด้วยของสะสมที่ชื่นชอบในวัยเพียง 27 ปี ผู้เขียนกล้าพูดได้เต็มปากว่าในวงการของเล่นคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาอย่าง แน่นอนหลายคนขนานนามให้เขาว่าเจ้าพ่อดีไซเนอร์ทอยส์ร้อยล้าน ที่สานฝันและสร้างอาณาจักรเป็นของตัวเองที่อายุน้อยสุดในวงการของเล่นโลก
STORY : ศิวนาถ เสนาประทุม
Photographer : กรวิชญ์ ศิริวิวัฒน์
Place : Play House Store (Siam Square One) โทร.0-2115-1417