เมื่อเรือนหอหลังใหม่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเพื่อสิ่งที่รัก เกิดเป็นไอเดียซึ่งเอื้อให้แก่ธุรกิจอาหารคลีนสำหรับคนรักสุขภาพของเชฟเอฟ อภินันต์ และคุณเบียร์ ปรียาภัสสร์ เศวตวรรณกุล แห่ง “Fit Food Always” ผู้เนรมิตทาวน์โฮมธรรมดาให้กลายเป็นโรงครัวหลังใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Food Sanctuary สถานที่หย่อนใจและพื้นที่หลบภัยอันแสนอร่อยของทั้งคู่ บนพื้นที่ขนาด 45 ตารางเมตร ภายใต้งบประมาณ 2 ล้านบาท ก่อให้เกิดเป็นบ้านสีขาวอยู่สบายแฝงไปด้วยกลิ่นอายชิโน-โปรตุกีส ณ ที่แห่งนี้หลอมรวมเรื่องราวของเขาและเธอให้เป็นทั้งพื้นที่สำหรับทำอาหาร บ้านไว้ให้พักผ่อน และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ที่เปิดรอต้อนรับทุกคนให้มาลิ้มรสความอร่อยภายใต้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
The Beginning
“เราสองคนซื้อบ้านหลังนี้มาได้ปีหนึ่งแล้วครับ จริงๆ แพลนไว้ว่าจะให้เป็นเรือนหอของเรา แต่จากภาระงาน ทำให้จังหวะเวลายังไม่ลงตัวเท่าไร ก็ค่อยๆ ทำไปทีละนิด ด้วยอาชีพรวมถึงความชอบของทั้งผมและเบียร์มันคือการทำอาหาร เราจึงอยากได้บ้านที่มีพื้นที่ครัวเยอะๆ เลยมองว่าไหนๆ ก็จะทำบ้าน ทำครัวสวยๆ ทั้งทีแล้ว หากจะต่อยอดให้เป็น chef table หรือ Cooking Class ของเราไปด้วยระหว่างที่รอจัดสรรสิ่งต่างๆ ก่อนเข้ามาอยู่จริงก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ปัจจุบันบ้านหลังนี้เลยเป็นเหมือนพื้นที่พักผ่อน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ประจำแต่ก็ได้มาใช้เวลาทำสิ่งที่เรารักร่วมกัน เรียกว่าเป็นทั้งร้านอาหาร ห้องเรียน และเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตส่วนหนึ่งที่สร้างความความสุขให้กับเราสองคน”
Inspiration
“เรามองว่าชีวิตคู่ของเราคือการทำอาหาร อยู่ด้วยกันก็ทำกับข้าว ทำขนม ความต้องการมันเลยต่างจากคนอื่นที่บ้านจะต้องมีห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกก่อน แต่เราอยากให้บ้านเราเข้ามาก้าวแรกเป็นครัวเลย เพราะเราใช้ชีวิตที่ตรงนี้ ส่วนแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความชอบในสไตล์ชิโน-โปรตุกีสของเบียร์ ผสมกับโทนสีขาวแบบอยู่สบาย คงบอกได้ว่าเรื่องการตกแต่งบ้านผมตามใจให้เป็นไปตามความชอบของเธอ ส่วนตัวผมก็มามองในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย เพื่อให้มันออกมาสวยด้วยและใช้ทำอาหารได้จริงด้วย เรียกว่าเป็นการผสมความเป็นเราทั้งคู่ลงไปในตัวบ้าน”
New Look
“เดิมมันคือทาวน์โฮมธรรมดา แต่เราอยากทำให้มันเป็นพื้นที่ใหม่ให้รู้สึกว่าหลุดเข้ามาอีกสถานที่หนึ่งเลย อยากให้เป็นทั้งบ้านและร้านที่อยู่สบาย ไว้สำหรับทำอาหารทานข้าวไม่ว่าจะกับลูกค้าหรือตัวเราเอง นอกจากครัวขนาดใหญ่แล้ว ผมเลยเพิ่มมุมรับประทานอาหารเข้าไปด้วย เหมือนเปิดบ้านชวนเพื่อนๆ มากินข้าวด้วยกัน” พื้นที่ภายในตัวบ้านจำนวน 45 ตารางเมตร ถูกปรับเปลี่ยนจนแทบไม่เหลือทั้งเค้าโครงหรือความรู้สึกของตัวบ้านเดิม แทนที่สเปซโล่งเปล่าด้วยครัวสีขาวขนาดใหญ่ภายใต้ความเรียบง่ายแต่ยังมีกลิ่นอายจีนผสมยุโรปในแบบชิโน-โปรตุกีส เช่นเดียวกับการต่อเติมพื้นที่ด้านหลังให้เป็นมุมรับประทานอาหารเล็กๆ อาจกล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการแปรสภาพใหม่ให้กลายเป็นทั้งบ้านและร้านอาหารแบบ private เลยก็ว่าได้
Function
เมื่อครัวกลายเป็นองค์ประกอบหลักของบ้าน พื้นที่ทั้งหมดจึงถูกออกแบบให้เอื้อประโยชน์ใช้สอยในเรื่องการทำอาหารอย่างครบถ้วน เริ่มตั้งแต่ส่วนการเตรียมและปรุงอาหารเลือกใช้เคาน์เตอร์ไอส์แลนซ์ที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ให้สามารถประกอบอาหารได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับส่วนล้างซึ่งอยู่ถัดกันไปนอกจากจะมีพื้นที่ล้างวัตถุดิบอย่างเพียงพอแล้ว ตัวเคาน์เตอร์ยังใส่ฟังก์ชั่นทั้งตู้และลิ้นชักไว้สำหรับเก็บเครื่องครัว รวมถึงออกแบบให้ประหยัดพื้นที่ในลักษณะเป็นช่องเพื่อใช้วางเตาอบ ไมโครเวฟ และตู้เย็น ในขณะที่ยังคำนึงถึงเรื่องควันและกลิ่นปัญหาหลักในการทำอาหาร บริเวณเพดานจึงติดตั้งระบบเครื่องดูดควันและดับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการประกอบอาหารไว้ นอกจากนั้นแล้วยังต่อเติมพื้นที่ซักล้างหลังบ้านให้กลายเป็นมุมรับประทานอาหาร เพื่อไว้สำหรับรองรับลูกค้าและใช้เวลาทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัว
Interior
สีขาวถูกหยิบมาใช้เป็นสีหลักตามความชอบของผู้เป็นเจ้าของ สอดแทรกกลิ่นอายของชิโน-โปรตุกีสเอาไว้ผ่านลวดลายของวัสดุหลักอย่างกระเบื้องซีกรีตโบราณที่ใช้ปูพื้น ออกแบบครัวให้เป็นลักษณะ open kitchen ที่ยังคงคลุมโทนสว่างจากการใช้วัสดุโทนสีเดียวกันทั้งหมด โดยการใช้ลูกเล่นการไล่ระดับความเข้มอ่อนของพื้นสีที่เรียกว่าการใช้สีแบบโมโนโทน ตั้งแต่ผนังกระเบื้องดินเผาลายอิฐก่อสีขาว เคาน์เตอร์ไอส์แลนซ์ท็อปด้วยหินอ่อนแท้สีไวท์วีนัสและตัวฐานสีเทาอ่อน เพิ่มความโล่งโปร่งให้ตัวบ้านด้วยหลังคาดับเบิลโวลุ่มที่เว้นช่องแสงให้แสงจากภายนอกผ่านเข้ามาเล็กน้อย ผสมกับใช้เฟอร์นิเจอร์สีไม้ และบรรดาสีเขียวจากต้นไม้ที่กระจายอยู่รอบบ้าน อาทิ สวนแนวตั้งบริเวณทางเข้า ผนัง Green Wall บริเวณมุมรับประทานอาหาร ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้ได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติ ไปพร้อมๆ กับการรับกลิ่นชิมรสหอมหวานจากอาหารฝีมือเชฟได้อย่างเต็มที่