“วันไหนก็ได้สำหรับบ้านหลังนี้” คือวลีสั้นๆ อันบ่งบอกถึงตัวตนของบ้านผ่านมุมมองของคุณกรณ์ กรณ์กฤตย์ ฉวีวานิชยกุล เจ้าของบ้านลุคเท่ใจกลางเมืองท่องเที่ยวติดทะเลอย่างหัวหิน สถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูง Summer House คือบ้านหลังรองซึ่งบรรจุตัวตนปะปนความชอบ และเป็นบ้านที่ไม่ว่าเมื่อไรก็อยากกลับมาพักพิงเสมอ
บ้านนี้มันไม่ใช่บ้านที่เราอยู่ตลอดเลยอยากให้บรรยากาศที่ออกมามันต่างจากบ้านที่เราใช้อยู่ประจำ อยากนำเสนอในอีกลุคหนึ่งที่สะท้อนความชอบของเราจริงๆ ถ้าให้ผมเปรียบง่ายๆ มันก็คือ Summer House ที่เราสามารถหลบมาพักผ่อนไม่ว่าเมื่อไรหรือวันไหนก็ได้ของผม
เราเริ่มต้นบทสนทนาด้วยที่มาที่ไปของบ้านอันเป็นที่รักซึ่งคุณกรณ์เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้เราฟังว่า “ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของครอบครัวผมที่ซื้อเก็บไว้นานแล้วครับ ปกติเวลาวันหยุดผมมักจะพาครอบครัวหรือเพื่อนฝูงมาพักผ่อนที่นี้เพราะหัวหินมันใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไปมาสะดวก เราเลยรู้สึกอยากจะสร้างบ้านสักหลังหนึ่งไว้สำหรับอยู่เอง ให้เป็นเหมือน Summer House ไว้รองรับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้พักผ่อนมาใช้เวลาร่วมกัน”
คุณกรณ์เริ่มลงมือสร้างบ้านตามความตั้งใจให้ออกมาในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ลุคเท่ จากฝีมือการออกแบบของทีม Studio68 ผ่านโจทย์ความต้องการที่อยากจะได้บ้านแฝดสองหลังติดหากแต่มีสัดส่วนที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพราะเล็งเห็นถึงประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่าและมองว่าสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านได้ “พอเริ่มทำไปสักพักผมก็มองเห็นว่าเราคงไม่ได้มาอยู่ประจำทุกวัน ถ้าเราสร้างสำหรับปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยวด้วยก็น่าจะได้ประโยชน์กว่า ด้วยขนาดพื้นที่บ้านมันน่าจะทำขึ้นมาได้สักสองหลัง ให้เป็นบ้านอยู่เองหลังหนึ่งส่วนอีกหลังก็ปล่อยเช่าไป โดยออกแบบทุกส่วนให้แยกออกจากกันหมดแม้กระทั้งตัวน้ำไฟ ถึงจะอยู่ติดกันแต่มันเป็นคนละหลังเลยครับ” เจ้าของกล่าวเพิ่มเติม
จากฟังก์ชั่นอันเป็นเหมือนโจทย์แรกของบ้าน ถูกนำมาหลอมรวมกับความชอบของในความดิบเท่ของคุณกรณ์ ปรากฏให้วัสดุอย่าง เหล็ก อิฐ และไม้เด่นชัดในทุกอณู โดยออกแบบในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ ที่เน้นการโชว์งานโครงสร้าง และงานระบบไม่ให้มีสิ่งใดมาบดบัง ผสมเข้ากับการก่ออิฐโชว์แนวรับกันอย่างเป็นระเบียบ ช่วยสร้างเสน่ห์ให้ลุคดิบเท่โดดเด่นยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง อาทิ โซฟาหนังแท้ โปสเตอร์ศิลปินยุคเก่า หรือเหล่าบรรดาของสะสมตั้งโชว์ ล้วนมีกลิ่นอายของอเมริกันวินเทจ เกิดจากอีกหนึ่งความหลงใหลในความเป็นอเมริกันคัลเจอร์ของเจ้าของบ้านที่คุณกรณ์เล่าเพิ่มเติมว่า “มันเหมือนพอเราเริ่มโตขึ้นเราก็อยากมีส่วนร่วมอะไรที่มันใหญ่ขึ้นอย่างเรื่องบ้าน พอเรามีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเอง เราก็อยากลองทำตามที่สิ่งเราชอบดู อย่างเวลาผมดูหนังดูซีรี่ย์ของอเมริกาก็มักจะรู้สึกกว่าบ้านของเขามันดูสวย ดูดิบแบบลงตัว มีความเป็นอินดัสเทรียลแบบที่เราชอบ ก็เลยลองเอามาปรับให้มันเข้ากับบ้านเราดู อีกอย่างบ้านนี้มันไม่ใช่บ้านที่เราอยู่ตลอด เลยอยากให้บรรยากาศที่ออกมามันต่างจากบ้านที่เราใช้อยู่ประจำ อยากนำเสนอในอีกลุคหนึ่งที่สะท้อนความชอบของเราจริงๆ”
More Detail : ความโดดเด่นของบ้านคุณกรณ์คือการเลือกใช้ประตูไม้แบบ Barn house หรือประตูในแบบโรงนาทั้งตัวบ้าน เรามักจะพบเห็นประตูลักษณะนี้จากบ้านเก่าในยุค 1970 สำหรับสไตล์ Barn house จะเป็นการผสมผสานระหว่างบ้านและโรงเรือนเก็บอุปกรณ์ทางการเกษตรนั้นเอง โดยลักษณะของประตูจะเป็นบานไม้ทรงหนามีความแข็งแกร่ง ซึ่งบ้านหลังนี้เจ้าของเลือกใช้ไม้สนนอกเป็นวัสดุ และแต่งเติมกลิ่นอายอินดัสเทรียลด้วยการใช้หมุดและเหล็กวางเป็นลวดลายให้กับประตู สีธรรมชาติของไม้แท้ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวบ้าน หากแต่ยังคงความสวยงามที่ดิบเท่ลงตัวสอดคล้องกับองค์ประกอบทั้งหมดของบ้าน
เมื่อถามถึงความหมายของชื่อบ้าน อย่าง Any Given Day คุณกรณ์ก็ตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะว่า “มันเกิดจากที่เราอยากได้คำง่ายๆ แต่มีความหมายใช้แทนชื่อเรียกบ้านของเรา มาจากการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลที่มักจะมีวันอาทิตย์ เวลาที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้เขาจะพูดประโยคที่ว่า “Given Sunday” ซึ่งแปลว่าวันอาทิตย์ไม่ได้มีหนเดียวนะ ผมเลยเอาคำนั้นมาเปลี่ยนให้เป็น Any Given Day มันก็แปลง่ายๆ ว่าวันไหนก็ได้ไม่ได้มีแค่วันเดียวสำหรับการมาพักผ่อนที่นี้”
ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าคงจะดีไม่น้อยทีเดียวค่ะ ถ้าเราจะมีบ้านสักหลังหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนพื้นที่ซ่อนตัวไว้สำหรับพักผ่อน เป็นบ้านซึ่งเหมือนดั่ง Any Given Day สถานที่ที่ไม่มีแม้แต่ข้อแม้ พร้อมจะดูแลและเปิดต้อนรับเราไม่ว่าเมื่อไรหรือวันไหนก็ตาม
Story: วันวิสาข์ อินขลิบ
Photographer: ธเนศ เปี่ยมหน้าไม้
Host: คุณกรณ์กฤตย์ ฉวีวานิชยกุล
Architect: Studio68 โทร. 08-5297-9595