เมื่อพระเจ้าเลนเต้ทายาทนอกราชวงศ์ขึ้นครองราชย์ แผ่นดินจีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่นที่ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขติดต่อกันมายาวนานหลายชั่วอายุคนก็เกิดกลียุค
ขอบคุณภาพประกอบจาก FB krokruengruengsamkok
ขุนนางแม่ทัพนายกองและหัวเมืองต่างๆ แตกความสามัคคี ช่วงชิงอำนาจและกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กระทำการรีดนาทาเร้น ราษฎรได้รับความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ดินฟ้าอากาศวิปริตรผิดธรรมชาติ หน้าฝนเกิดความแห้งแล้ง หน้าแล้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ ซ้ำเติมเพิ่มความทุกข์เข็ญแสนสาหัสแก่อาณาประชาราษฎร์ทั่วทั้งแผ่นดิน
ความฟอนแฟะเน่าเหม็นของราชสำนักที่เอาแต่ความสุขสำราญใส่ตัว การรีดนาทาเร้นของขุนนางแม่ทัพนายกอง และความยากเข็ญของราษฎรเพิ่มพูนคูณทวีขึ้นเรื่อยๆติดต่อกันนายาวนานนับสิบปี
เมื่อรุ่งขึ้นปีที่ 12 การครองราชย์ของพระเจ้าเลนเต้ได้เกิดนิมิตวิปริตอาเพศจากสวรรค์ เกิดมีงูเขียวตัวใหญ่ตกลงมาพันขาเก้าอี้พระที่นั่งในท้องพระโรง จนพระเจ้าเลนเต้ตกพระทัยสลบหมดสติไป มหาดเล็กน้อยใหญ่ต้องช่วยกันพยุงเข้าห้องอย่างสับสนอลหม่าน หลังจากนั้นก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนองตกลงมาห่าใหญ่ ลูกเห็บขนาดใหญ่ตกใส่บ้านเรือนราษฎรและแม้กระทั่งพระตำหนักของพระองค์ก็เสียหายย่อยยับจนถึงเที่ยงคืนฝนจึงค่อยหายคลายลง
หลังจากนั้นก็เกิดนิมิตอาเพศติดต่อกันมิได้ขาด เช่นเกิดแผ่นดินไหวน้ำท่วมบ้านเมืองพังพินาศเสียหายจำนวนมาก เกิดไฟไหม้พระที่นั่ง เกิดรุ้งลงกินน้ำในพระบรมมหาราชวัง เกิดภูเขาแตกทลายลงมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นิมิตวิปริตอาเพศเหล่านี้ย่อมอยู่ในภวังภ์จิตหลอกหลอนของเหล่าขุนนางและราษฎรทั่วไปว่าเป็นลางร้ายของบ้านเมืองจนเกิดวิตกกลัวกันไปถ้วนหน้า พระเจ้าเลนเต้ก็ย่อมอยู่ในภวังภ์เดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้ถามในที่ประชุมเหล่าขุนนางว่าเหตุลางเช่นนี้ทุกท่านเห็นเป็นดีร้ายประการใด
แต่ก็เป็นที่ประหลาดใจที่ขุนนางน้อยใหญ่ซึ่งอยู่กันเต็มท้องพระโรงต่างก็ปิดปากเงียบ ซึ่งผิดปกติวิสัยของขุนนางที่ชอบประจบสอพลอโอ้อวดภูมิรู้ของตัวเองต่อเจ้านายในประชุมอันโอ่อ่าเช่นนี้
แต่ทั้งนี้ เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าหากพูดไปตามจริงก็จะมีภัยแก่ตัวถึงชีวิตเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับแม่ทัพใหญ่เตาบูและราชครูตันผวน สองขุนนางเก่าแก่ผู้ซื้อสัตย์ต่อราชวงศ์ฮั่นมาหลายแผ่นดินถูกเหล่าขันทีทั้งหลายสังหารทั้งครอบครัวมาแล้ว
จนพระเจ้าเลนเต้เสด็จเข้าข้างใน ยีหลง จึงได้ถวายหนังสือลับให้แก่พระเจ้าเลนเต้ โดยใจความจดหมายนั้นแจ้งว่าเหตุทั้งหลายนั้นเกิดแต่เหล่าขันทีกระทำการทุจริตมิชอบต่อแผ่นดิน ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ เรียกส่วยจากขุนนาง ปิดบังความเดือดร้อนของราษฎร
อันเหล่าขันทีทั้งสิบซึ่งนำโดยเทาเจียดนั้น ถือว่าเป็นฝ่ายในที่เลี้ยงดูพระเจ้าเลนเต้มาตั้งแต่ยังเล็ก จึงมีความสนิทสนมและไว้วางพระราชหฤทัยสูงกว่าคนทั่วไป เมื่อพระเจ้าเลนเต้นขึ้นครองราชย์ก็ได้นำมารับใช้ใกล้ชิดพระองค์ การของบ้านเมืองทั้งหลายจึงเป็นที่รับรู้ของเหล่าขันทีทั้งสิ้น
จนเมื่อแม่ทัพเตาบูและราชครูตันผวนซึ่งคอยเป็นก้างขวางคอเหล่าขันทีหลังถูกฆ่าตายทั้งครอบครัวแล้ว เหล่าขันทีทั้งหลายก็เสนอให้พระเจ้าเลนเต้แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นคณะองคมนตรีคอยช่วยงานราชการในพระองค์ ก็ยิ่งทำให้เหล่าขันทีทั้งหลายกำเริบเสิบสานหนักยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเรียกรับส่วยจากบรรดาขุนทางทั้งหลายที่ต้องการได้ดิบดีได้ให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ และก็ร่วมกันกำจัดขุนทางตงฉินที่ไม่ยอมจ่ายแล้วส่งคนของตัวไปกินตำแหน่งแทน ขุนนางหัวเมืองต่างๆที่ยอมจ่ายส่วยแก่ขันทีก็ต้องไปรีดนาทาเร้นเอากับราษฎร ไม่สนใจทำนุบำรุงบ้านเมือง สะสมกำลังและความมั่งให้แก่ตัวเองมากขึ้น จนเกิดความแตกแยกช่วงชิงความดีความชอบที่ไม่ชอบในหมู่ขุนทางด้วยกันเอง
เมื่อมีฎีการ้องทุกข์จากผู้สุจริตถึงพระเจ้าเลนเต้ เหล่าขันทีก็ทำลายทิ้งเสีย หรือไม่ก็หาประโยชน์โดยนำฎีกาเหล่านั้นไปข่มขู่ขูดรีดผู้ที่ถูกกล่าวหาพาดพิงในทางเสียหายนั้นเป็นรายได้เพิ่มเติมเข้ามาอีกทางหนึ่ง และก็เพ็จทูลสร้างเรื่องราวเหมือนกับว่ามีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นในแผ่นของพระองค์ ปิดหูปิดตาประสบสอพลอปรนเปรอให้พระองค์สำเริงสำราญอยู่แต่ในพระตำหนักอันหรูหราสวยงาม ในขณะที่ราษฎรต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
แต่เมื่อ ยี่หลง ถวายจดหมายลับ พระเจ้าเลนเต้อ่านแล้วก็ได้แต่ทอดพระทัยให้เหล่าขันทีเห็น ขันทีที่อยู่ใกล้จึงได้โอกาสแกล้งร้องไห้ถวายบังคมว่า ที่ยีหลงกล่าวเช่นนั้นก็เพราะอิจฉาพวกตนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเมตาเลี้ยงดูจากพระองค์มากกว่าคนอื่นๆ และบังอาจกล่าวหาพระองค์เลี้ยงคนผิด ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็จะขอลาออกไปทำไร่ไถนาตามบุญกรรมที่บ้านเกิด เพื่อมิให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทของพระองค์อีกต่อไป
พระเจ้าเลนเต้เห็นเช่นนั้นก็ปลอบใจเหล่าขันทีทั้งหลายให้สบายใจ และถามว่าถ้าเช่นนั้นจะแก้ไขนิมิตวิปริตที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร เหล่าขันทีทั้งหลายก็เสนอให้ทำการปรับปรุงตกแต่งพระราชวังเสียใหม่ให้สวยงามกว่าเดิมและก็ให้พระองค์เปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ให้ดูสดใสมากขึ้น เพื่อเป็นมิ่งขวัญกำลังใจแก่เหล่าขุนนางและราษฎรทั้งปวงจะได้มีความสุขสืบไป
พระเจ้าเลนเต้ก็รับตามที่เหล่าขันทีเสนอ และไม่นานต่อมา ยีหลง ก็ถูกเหล่าขันทีปลดออกจากตำแหน่งขุนนางกลับไปทำไร่ไถนาที่บ้านเกิดตามยถากรรมของตน
แต่ความเน่าเฟ๊ะของราชสำนัก และความปั่นป่วนของการบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การครอบงำของเหล่าขันทีนั้นก็ถึงวันแตกหักจนเกิดการก่อกบฎของโจรโพกผ้าเหลืองที่เห็นว่าบ้านเมืองควรถึงวันต้องเปลี่ยนแปลงแผ่นดิน ในขณะที่หัวเมืองต่างๆไม่สนใจที่จะเข้ามาช่วยเหลือ จนแผ่นดินจีนเกิดศึกสงครามบ้านเมืองลุกเป็นไฟแตกออกเป็นสามก๊กในเวลาต่อมมานั่นเอง
จดหมายลับของยีหลง จึงนับเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ของผู้นำอ่อนแอเชื่อฟังแต่คำยกยอปอปั้นประสบสอพลอของคนใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ยอมรับฟังความจริงและคำติชมวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นที่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองไม่น้อยไปกว่าคนของตนเอง เหมือนเช่นคนหูหนวกตาบอด สุดท้ายก็จบลงด้วยความพินาศของบ้านเมืองอย่างที่เคยเกิดมาแล้วทุกยุคทุกสมัย
นี่ถ้าคนอย่าง ยีหลง มาเกิดในยุคปัจจุบันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะครับ