เมื่อวัยเราเปลี่ยน บทหน้าที่ก็ย่อมเปลี่ยนตามด้วย สมัยเมื่อครั้งเป็นนักข่าวหัวเห็ด วิ่งออกไปทำคอลัมน์ตามสถานที่ต่างๆเป็นความทรงจำที่สนุกสนานเชียวค่ะ มาตอนนี้ก็ยังคงคิดถึงบรรยากาศเดิมๆ อยู่เช่นเคย พักหลังๆ ฉันเริ่มไม่ค่อยได้เดินทางเพื่อทำงานเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะนั่งเฝ้าคอกหรรษา (มุมทำงานในออฟฟิศ) คอยชี้แนะ ตรวจตรา คิดค้น วิเคราะห์ และเทศนาให้เด็กๆ สดับฟัง เป็นกิจวัตรประจำวัน จนเมื่อกลางปีก่อนที่ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองมิวนิค เยอรมนี ในเดือนพ.ค.-ก.ค. ซึ่งเจอกับฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ดอกไม้งี้เบ่งบานทั่วเมืองเชียวค่ะ
ดอกไม้พื้นเมืองมีให้เห็นกันเกลื่อนตามสองข้างทาง เนินหญ้า เนินเขา หลักๆ ที่มองด้วยตาเปล่าแล้วแบ่งชนิดได้ก็มีเดซี่ ลาเวนเดอร์ เอสเธอร์ และเดนดิไลออน ชูช่อปะปนกันอย่างเป็นธรรมชาติ ครานี้ความสนใจนั้นอยู่ที่ต้น เดนดิไลออน ค่ะ หรือที่ภาษาไทยมีชื่ออันโหดเหี้ยมว่า ใบหูเสือ
เดนดิไลออน (Dandelion) เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง สรรพคุณก็มีเยอะแยะอาทิ ขับปัสสาวะ ลดความดันเลือด ช่วยเจริญอาหาร ฯลฯ ส่วนทานแล้วจะได้ผลหรือไม่อย่างไรแล้วแต่กรณีไป แต่ที่แน่ๆ เจ้าดอกเดนดิไลออนนี่เป็นดอกไม้สุดน่ารักเลยค่ะ เริ่มจากดอกตูมรูปทรงจะคล้ายเบญจมาศ ก่อนจะบานสะพรั่งในโทนสีเหลืองสด แล้วแตกกลีบเป็นดอกกลมๆ กลีบเรียวอ่อนนุ่มคล้ายปุยนุ่น แล้วเราๆ ก็นิยมเอามันมาเป่ากัน (เมื่อเป่าแล้วเราจะรู้สึกสวย^^)
นอกจากนี้ เดนดิไลออน ยังเป็นดอกไม้ความหมายดี ว่ากันว่าเป็นดอกไม้แห่งความหวัง บ้างก็ว่าเป็นดอกไม้แห่งการเดินทาง สำหรับชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Tampopo ใช้เป่าเพื่ออธิฐานขอพรเลยทีเดียว แต่สำหรับชาวบาวาเรียนแล้ว เดนดิไลออน เป็นเพียงวัชพืชที่ขึ้นตามทุ่งหญ้า ที่พอหมดฤดูร้อนมันก็ล้มหายไปรอรอบเติบโตใหม่ในปีต่อมา และมีความเชื่อว่า “อย่าเด็ดเชียวนะ เดี๋ยวฉี่รดที่นอน….” อืมมมมม!!! ความเชื่อเชิงข่มขู่แบบนี้ ฉันต้องกลัวดีไหม?
Ps.ฉันแอบเก็บกลับไทย (ไม่ดีนะห้ามเลียนแบบ) โดยซ่อนในห่อกระดาษ ยัดใส่ถุงพลาสติกอีกชั้น แล้วซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนพับลงกระเป๋าเดินทาง (กลัวตม.จับได้)
Ps.2 เจ้าหน้าที่ซุ่มสแกนกระเป๋า (ซวยไปอีก) แต่ดีนะ ไม่ถูกยึด
Ps.3 ฉันยังไม่ฉี่รดที่นอน