ผู้หญิงเปรียบเสมือนดั่งดอกไม้ที่งดงามที่มีความสวยสด และมีกลิ่นหอมชวนหลงใหล ในยามที่กำลังสวยสะพรั่งดุจดอกไม้ที่เบ่งบาน จนใครหลายคนเป็นต้องเหลียวมองด้วยใจเสน่หา แต่พอวันเวลาหมุนผ่านไป ความงามที่เคยเห็นและสัมผัส ก็เริ่มเหี่ยวเฉา ร่วงโรย ไปตามกาลเวลา เฉกเช่นหญิงสาวที่ความงดงามเริ่มเลื่อนหายไป กลิ่นหอมชวนเสน่ห์เริ่มซีดจาง เหลือไว้ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงสัจธรรมของสังขาร
คุณวรรณลพ มีมาก ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำ สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยศิลปินได้เล่าถึงจุดกำเนิดของผลงานชุดนี้ว่า “ ผู้ชายก็ชอบมองผู้หญิงสวยๆอยู่ แต่วันนั้นมันบังเอิญตรงที่ผมกำลังรอรถเมล์กลับบ้าน แล้วไปสะดุดตากับภาพของคนสองวัยที่นั่งอยู่ข้างกัน โดยที่ทั้งสองไม่ได้รู้จักกัน ระหว่างหญิงสาวสวยกับหญิงวัยชรา พอมองไปมองมาก็เลยเกิดความรู้สึกว่า ความงามที่เราเห็นอยู่ต่อไปมันก็จะไม่งาม ต่อไปก็จะเปลี่ยนสภาพ เลยนึกถึงคำสอนในพระพุทธศาสนา ถึงสังขาร ความไม่เที่ยง ความไม่จีรังยั่งยืน ว่ามันไม่ได้งามไปตลอด มันไม่จริง วันหนึ่งเราก็ต้องโรยรา แห้งเหี่ยว ” แรงบันดาลใจในครั้งนี้ก่อเกิดนิทรรศการผลงานจิตรกรรม “เวลาของดอกไม้”ชุดนี้ขึ้นมาซึ่งเป็นการแสดงเดี่ยวครั้งที่2ของคุณวรรณลพ
ภาพผลงานรูปหญิงหน้าตาสละสลวยเหล่านี้ เป็นตัวละครที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของดอกไม้ในช่วงที่เบ่งบาน ซึ่งอยู่ในช่วงวัยของการหลงรูปกายและมีปรุงแต่งร่างกายภายนอกอย่างไม่สิ้นสุด ท่ามกลางดอกไม้ที่โรยรา โดยมีการใช้ดอกบัวเป็นสื่อเชื่อมโยงถึงความร่วงโรยแห่งเหี่ยว เพราะดอกบัวเป็นเสมือนสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา บอกความไม่จีรังคือเกิดขึ้นแล้วดับไป ด้วยใบหน้าของหญิงสาวที่นิ่งแสดงสีหน้าเหมือนกำลังกรุ่นคิดอะไรบางอย่าง
การเสริมแต่งที่มากเกินไปก็จะเป็นความงามที่ไม่พอดีอยากให้ผู้อ่านและผู้ชมได้คิดพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งที่เป็นความจริงโดยไม่ใช่สิ่งสมมุติ ความลุ่มหลงในความงามของรูปกายภายนอกนั้นเป็นจริงที่ไม่เที่ยง สังขารเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่นานก็ต้องแตกสลายไปเป็นของไม่มีตัวตนและไม่ใช่ตัวตนของเราอีกต่อไป
Story: กมลชนก ผลงาม
Photographer : ชยพล ปาระชาติ
Artist : วรรณลพ มีมาก โทร: 08-6609-4575